วันพฤหัสบดี, มกราคม 16, 2563

ทั้ง #แพทยสภา ประกันสังคม และ สปสช. จักต้องขยับได้แล้ว อย่าต้องมัวหมอง "เพราะคนแบบเหรียญทองกัดกร่อน"

เหรียญทอง แน่นหนา ผู้ร่วมจัดงานเดินเชียร์ลุง และแนวร่วมกลุ่มการเมือง กปปส. ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กำลัง น้ำลายฟูมปากและพ่นศักดา โพสต์เฟชบุ๊คต่ออีกวันตอบโต้เสียงวิจารณ์ ไร้จรรยาบรรณอีกว่า

“สนองคำท้าของส้มหวาน ควายแดงแล้วนะครับ...พรุ่งนี้ผมจะนำเรียนเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) และเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมให้พิจารณาพฤติกรรมของผม และ รพ.มงกุฎวัฒนะ”

ถ้าพบว่า รพ.ของเขาเลือกปฏิบัติต่อผู้ป่วยและผลักไล่ไสส่ง “ซึ่งเป็นการผิดสัญญาการให้บริการ” ละก็ ขอให้“ยกเลิกสัญญากับ รพ.มงกุฎวัฒนะในทันที และให้ชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญา” แล้วต่อด้วยคำท้า

“ทั้งนี้นักการเมืองและส้มเน่า ควายแดงทั้งหลายที่โจมตีผม ได้โปรดเตรียมผู้ป่วยส้มเน่า ควายแดงที่ถูกผมปฏิเสธการรักษาเพื่อเป็นพยาน” ด้วย “อย่ากล่าวลอยๆ ให้ร้ายบิดเบือนมั่วซั่ว…สันดานเลวนะครับ”

ไม่เท่านั้นเขายังประกาศให้ “ส้มเน่าและควายแดงที่มีสิทธิบัตรทองหรือสิทธิประกันสังคม” ขอให้จัดการย้ายโรงพยาบาลเสียไวๆ

ต่อกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย “เรียกร้องให้แพทย์สภาตรวจสอบพฤติกรรม” เนื่องจากวันก่อนหน้า ‘หมอเหรียญทอง’ นำลงข้อความในทาง “ใช้ทัศนคติทางการเมืองชี้วัด-เลือกปฏิบัติต่อคนไข้และผู้ร่วมงานในโรงพยาบาล”

ดังหมออั้ม อิราวัต @Doctor_Um ปริวิตกว่า “นี่เรามาถึง #กลียุค...มาถึงจุดเสื่อม จุดตกต่ำขนาดนี้แล้วหรือครับ ไม่ทราบว่า #แพทยสภา ทราบเรื่องหรือยัง” หลังจากที่เหรียญทองโพสต์ข้อความ

 “ผู้สมัครงาน รพ.มงกุฎวัฒนะ จะต้องแสดงข้อมูลส่วนตัว เช่น เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ และข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ในสังคมออนไลน์ประกอบการสมัครงาน ผมจะไม่รับบุคลากรใหม่ที่มีอุดมการณ์เป็นปฎิปักษ์กับผม”

เขาว่าคนเหล่านั้นเป็น “พวกกาฝากแอบเกาะ รพ.มงกุฎวัฒนะ กินบนเรือน ขี้บนหลังคา” เช่นเดียวกัน “ผมจะไม่สนับสนุนการซื้อสินค้า การว่าจ้าง ฯลฯ กับบริษัทคู่ค้าที่มีพนักงานขายหรือผู้แทนที่เป็นปฏิปักษ์กับผมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

เขาคุยว่าเมื่อครั้งก่อนที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ โดนต่อต้านอย่างนี้มา ปรากฏว่า “ช่วงระยะเวลาเพียงปีเดียว...ต้องขยายกิจการจากปี ๕๖ ที่มีอยู่แค่ ๑๐๐ เตียง กลายเป็น ๓๐๐ เตียง...ทั้งยังต้องซื้อที่ดินขยายจากเดิม ๔ ไร่เป็น ๙ ไร่ในชั่วระยะเวลา ๒ ปี”

การที่ผู้ดำเนินการโรงพยาบาลแสดงความก้าวร้าวต่อสาธารณชนส่วนหนึ่ง และถ่มถุยใส่หลักการมนุษยธรรมขนาดนั้น เพราะสามารถสร้างความมั่งคั่งพลิกผันจาก “ขาดทุนสะสมจากวิกฤตเศรษฐกิจปี ๔๐ กลายเป็นกำไรสะสม” ได้
 
หรือเพราะว่า “มี มวลมหาประชาชนคอยบริจาคเลือดผ่านสภากาชาด” ให้ ก็คงเป็นไปได้ในเมื่อเครือข่ายคนมั่งมี อูฟู ของเขา แน่นหนาเขาจึงเคยกล้าประกาศว่า “ไม่รับรักษาควายในร่างคน” มาแล้วในปี ๒๕๖๑

ทว่า Thuethan Prasobchoke ไม่วายตั้งข้อสังเกตุ “การเอาทัศนคติทางการเมืองมาตัดสินใจทางวิชาชีพ อันอาจจะส่งผลต่อผู้เจ็บป่วยที่ไปรักษา และอาจจะไม่รู้ข่าวสารทางโซเชียลว่าตัวเองมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นมา” ความรับผิดชอบจึงตกอยู่กับ

“สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ สำนักงานประกันสังคม ที่ต้องประเมินและคุ้มครองผู้ประกันตน” ไม่ให้เกิดความเสี่ยงดังว่า “ไม่ใช่ผลักภาระให้กับประชาชนให้รับความเสี่ยงเอง”


ทั้งหมดนี้มันเป็น จุดตกต่ำของสังคมไทยดังหมออั้มว่า เมื่อชนชั้นนำที่ เชี่ยร์ลุงอย่างเหรียญทองบังอาจรุกล้ำท้าทายหลัก จรรยาบรรณ การแพทย์ และความสมบูรณ์ของหลักสุขภาพถ้วนหน้า เรื่องนี้ ทั้ง #แพทยสภา ประกันสังคม และ สปสช. จักต้องขยับได้แล้ว

ไม่เช่นนั้นสิ่งที่นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ต้นตำหรับหลักสุขภาพถ้วนหน้าสร้างไว้แก่ชาวไทยและชาวโลก จะต้องมัวหมองเพราะคนแบบเหรียญทองกัดกร่อน ‘contaminates’