‘ตู่’ บอกไม่ไหวแระ
“ขอไปพักสมองหน่อย สองวันนี้ใช้หัวไปเยอะ” ทั้งที่มีอยู่น้อยนิดน่ะนะ ก็เรื่องฝุ่นพีเอ็ม
๒.๕ ในกรุงเทพฯ นั่นละ “ฝุ่น PM2.5 ทำนอนไม่หลับ
เพราะคิดหาทางแก้ปัญหา วอนดาราศิลปิน ประชาชน ฟังผมบ้าง”
ก็ห้าหกปีที่ผ่านมาเขาฟังกันจนหูชาแล้วได้เรื่องอะไรบ้างล่ะ
มีแต่ ‘สิ้นหวัง’ เมื่อประชากรผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ฟัง
สุทธิชัย หยุ่น สัมภาษณ์อธิบดีกรมควบคุมมลพิษแล้วเกิดอาการพี้ค “นอกจากไม่ยอมรับว่าฝุ่นพิษปัจจุบันมันอันตรายแล้วยังโทษคนไปทั่วอีก”
นายประลอง ดำรงค์ไทย
อธิบายว่าเหตุที่ท้องฟ้าขมุกขมัวยามเช้าเป็นเพราะหมอกความชื้นโดนแสงแดดสะท้อน ขณะลมอ่อนๆ
แบบ ‘สงบ’ ก็เลยเกิดปรากฏการณ์
‘กระเจิงแสง’ คล้ายไปเที่ยวภาคเหนือเจอหมอกน่ะ
ไม่มีอะไร
“ช่วงนี้อากาศปิด เหมือนฝาชีครอบ
ฉะนั้นอย่างไรก็จะยังสะสมถ้าเป็นหมอกควัน” แม้พบว่าค่าพีเอ็ม “ทุกสถานีสูงหมด
แต่ไม่สูงถึงขั้นผลกระทบต่อสุขภาพ...ช่วงบ่าย ๆ สาย เมื่อเจอแดดส่องแรง ๆ
บ่ายคล้อยก็จะหายไป”
นี่ใจคอจะให้รอตอนบ่าย
แล้วสูดหมอกปนฝุ่นพิษที่ยังไม่ถึงขีดทำให้ตายในบัดดลต่อไปอีกหลายชั่วโมงนั่นเหรอ แต่ไม่แค่นั้น
“ปัญหาฝุ่นยังไม่ทันได้แก้ ปัญหาไวรัสมาอีกแล้ว” อย่างนี้ John
Winyu ถึงได้ฟันธง “รัฐบาลและหน่วยงานรัฐสอบตกยับเยิน
...คราวนี้มาดูมาตรการรับมือไวรัสระบาดจากจีน
รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดการและควบคุมได้มั้ย รอดูอย่างกังวล
เพราะไม่มั่นใจเลย” จะให้เขามั่นใจได้อย่างไร ในเมื่อข่าวด่วนเช้าของ ‘ไอเอ็นเอ็น’ แจ้งว่าที่สนามบินเชียงใหม่
“พบ ด.ช. ต้องสงสัยมีไข้สูง
หลังเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน – หวั่นติดเชื้อไวรัสโคโรนา”
ซึ่งขณะนี้เข้าถึงฝั่งตะวันตกสหรัฐอเมริกาแล้ว พบที่รัฐวอชิงตัน เหตุนี้ @wirojlak (ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.อนาคตใหม่) ถึงได้ทวี้ต
“รัฐบาลต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมการระบาดของโรคปอดอักเสบ
จากเชื่อไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น ที่จีนมีคนติดและคนตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
มันระบาดจากคนสู่คนได้นะ” เขาย้ำด้วยว่า “ความอันตรายอาจเทียบกับ SARS
และ MERS”
ลงท้าย “ขอร้องว่าอย่าไล่ให้ประชาชนไปดูแลตัวเองอีกเลย”
นั่นก็จากที่ ‘ไอทู้บ’
พูดเรื่องฝุ่นพิษพีเอ็มว่าเกิดจากประชาชนเป็นต้นเหตุ แล้วขอให้ช่วยกันแก้ เพราะยุคนี้ประชาธิปไตยแล้วบังคับไม่ได้
ดูแล้วกันว่า ‘โปเตโต้’ เขาพูดแบบไหน
พวกไม่เอาสืบทอดอำนาจ คสช. คงต้องบอกว่าประชาธิปไตยพ่อง
อย่างกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันเพื่อโหวตให้งบประมาณรัฐบาลผ่านโดยไม่ถูกตัด นักข่าวไปถามเฮียฉุนที่นครศรีธรรมราช
ว่า ส.ส.ที่เสียบบัตรนั้นเป็นพรรครัฐบาล
เฮียเค้าก็ฉุนทันที โวยว่า “เป็นเรื่องของสภา
เป็นเรื่องของการเมือง แต่อย่าเอาปัญหานั้นปัญหานี้มาถามตน เพราะตนเป็นรัฐบาล”
แหมคุณพี่โมกขศักดิ์หัก ก็รัฐบาลเป็นผู้ใช้งบประมาณที่จะผ่าน
แล้วคนที่ทุจริตเสียบบัตรแทนกันก็พวกรัฐบาล มันไม่เกี่ยวยังไง ‘ฮวะ’
จริงละ
เรื่องนั้นต้องไปถึงตลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกแล้ว “ก็ดำเนินการไป” อย่างที่ตู่พูด
แต่ตู่ก็ยักไว้กินโต๊ดด้วยนะ บอกว่าสิ่งสำคัญ (กว่า)
ต้องมีงบประมาณออกมาให้ใช้จ่ายอย่างเพียงพอ หลายแสนล้านบาท
ไม่มาหรือติดขัดก็เป็นปัญหา
ที่จริงปัญหาน่าจะอยู่ที่
ดีแต่จับจ่าย ควักจากในกระเป๋าชาวบ้านสะสมไว้ แต่ตลอด ๕-๖
ปีไม่มีที่หามาเก็บสะสมบ้างเลยสักนิด แล้วถ้าเรื่องพวกตนเล่นโกงในสภาฯ
ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญที่ทีมตู่เองเป็นคนตั้งหลังยึดอำนาจไม่นาน
ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ถูกใจคนตั้งอีกละหรือ
ในเมื่อเคยตัดสินเรื่องเหมือนกันนี่ไว้แล้วว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ให้งบประมาณนั้นโมฆะ
ในคดี พรบ.อนุญาตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กู้เงิน ๒.๒ ล้านบาท อย่างนี้งบฯ ๖๓
ก็ต้องโมฆะเช่นกัน
นักวิชาการหลายคนเห็นพ้อง
เอกชัย ไชยนุวัติ พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย และบรรณ แก้วฉ่ำ คนหลังนี่บอก “น่าติดตามว่ารัฐบาลจะสะดุดขาตนเอง
หรือตายน้ำตื้นหรือไม่ ที่สำคัญคือ ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ‘ผูกพันตนเอง’ ไว้แล้ว”
ตอนนั้น (ปี ๕๖) ศาลวินิจฉัยว่า “เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๑๒๒ และ ๑๒๖” เพราะ “ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ”
ตอนนี้ ศาลฯ จะใช้อภินิหารทางกฎหมายช่วยให้รัฐบาลชุดสองของคณะยึดอำนาจที่ตั้งพวกตน
ให้ได้งบประมาณเอาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายตามใจตัว อีกหรือ