วันอาทิตย์, มิถุนายน 03, 2561

แบบนี้ไม่ผิด “แค่บังเอิญ” เพราะว่าบังอรของนายดอนเธอว์คงเป็นเศรษฐี มีมรดกเยอะรับตกทอดมา


เรื่องของ ดอน นี่น่าจะคล้ายเรื่องของ ป้อมยังไงก็ไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็นลิ่วล้อหรือว่าพี่ใหญ่ ในเมื่อมีความสำคัญต่อ คสช. ช่วยจัดเวทีนานาชาติให้อยู่ยงคงกระพันมาตลอดสี่ปี

กฎบัตรกฎหมายบิดได้ เขียนเองยังตั้งเยอะ เขียนด้วยมือลบด้วยบาจา (Bata) เขียนด้วยลมปากกลบด้วยลมทวาร (Asshole) ได้ทั้งนั้น

ดูแต่ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนตระบัดลิ้นเพื่อ คสช.ไม่เคยเขิน จากเคยสาบานไม่เล่นการเมืองอีกแล้วเพราะสมหวังที่ทหารยึดอำนาจ มาสู่จะตั้งพรรคเพื่อสนับสนุน I-Tube 4.0 เป็นนายกฯ เปลี่ยนมาเป็นช่วยตั้งพรรคเพื่อมวลมหาประชาชน แต่มูลนิธิไม่เกี่ยว ได้ทุกอย่าง
 
กรณี กกต.ลงมติ ๓ ต่อ ๒ ตัดสินว่าภรรยาของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ถือหุ้นเกิน ๕ เปอร์เซ็นต์ ไม่แจ้ง ปปช. ทำนองเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สะสมนาฬิกากว่ายี่สิบเรือนมูลค่าเป็นสิบๆ ล้าน ไม่แจ้ง ปปช.เหมือนกัน

“เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๔ ประกอบมาตรา ๑๘๗ ที่บัญญัติไม่ให้รัฐมนตรีถือครองหุ้นใน หจก.หรือบริษัท หรือในกรณีประสงค์จะได้รับประโยชน์จากหุ้นที่ถือครองให้แจ้งประธาน ป.ป.ช.ทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง”

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ มือฟันงานกฎหมายของพรรคเพื่อไทยฟ้องร้องเอาไว้ต่อรัฐมนตรีของรัฐบาลประยุทธ์ ๙ คน (รวมทั้ง ดอน) ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ประกาศใช้ กกต.บรรจงทำเรื่อง (อย่างนุ่มๆ) จน ๘ ใน ๙ คนหลุด ติดแค่ดอนคนเดียว

กกต. เสียงแตกเป็น ๒-๒ ต้องให้ประธานตัดสิน ประธานเขินไม่กล้าลบกฎหมายด้วยมือตนเอง โยนมันต้มไปให้ศาลรัฐธรรมนูญจัดการตามถนัด ชาวบ้านร้องโว้ยร้องยี้ อย่างนี้ต้องให้ออก มาตรา ๑๗๐ ยันอยู่โด่เด่
แต่เอ๊ะ ทั่นรองฯ ด้านเนติบริกร ร้องเสียงหลง โนโนโนแบบนี้ไม่ผิด “แค่บังเอิญ” เพราะว่าบังอรของนายดอนเธอว์คงเป็นเศรษฐี มีมรดกเยอะรับตกทอดมา

“จึงได้นำมาตั้งบริษัทกับพี่น้องภายในครอบครัว และถือหุ้นกันเองภายในพี่น้อง ๗ คน โดยไม่มีคนอื่น” แถม “เชื่อว่าภรรยาคุณดอนคงคิดว่าเป็นเรื่องมรดกภายในจึงไม่ได้แจ้ง”

นายวิษณุ เครืองาม ว่างั้น “ทั้งหมดนี้ไม่ใช่หุ้นของคุณดอน แต่เป็นของภรรยา ซึ่งก็น่าเห็นใจ” และ “เป็นบริษัทครอบครัว ไม่ได้ค้าขาย ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะฉะนั้นพูดถึงความสุจริต เราก็พอจะมองเห็น”

ไม่เท่านั้นบริกร คสช. ยกตัวอย่างคดีทักกี้ “ปัญหาเคยเกิดขึ้นในสมัยนายกฯ ทักษิณ ว่ารัฐมนตรีที่ใช้บริการการบินไทยบ่อยๆ ได้สะสมไมล์รอยัลออร์คิดแล้วนำมาแลกตั๋วบิน ถือเป็นการรับประโยชน์หรือไม่ ซึ่งฝ่ายหนึ่งบอกว่าใช่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่ใช่ ซึ่งก็ให้ ป.ป.ช.ตัดสิน ที่สุด ป.ป.ช.ก็ชี้ว่าไม่เป็น”

ฟังแล้วก็พอเข้าใจละนะว่าถ้าทำกันเองภายในครอบครัว ก็ต้อง น่าเห็นใจ เนอะ เป็นอันว่านอกจากที่เพื่อนให้ยืมผูกข้อมือเล่นๆ เป็นปีๆ ต้องเห็นใจเหมือนกัน เพราะเพื่อนก็เท่งทึงไปนานแล้วด้วย ไม่เกี่ยวตลาดหลักทรัพย์ ไม่เป็นไร ไม่ได้ซุกหุ้น

ทั่นรองฯ วิษณุบอกอีกด้วย ที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ต้องออกเสียงชี้ขาดให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน “เพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน” จะได้ “นำไปใช้กับนักการเมืองต่อไปในอนาคต” แน่ะสายตาดีมองการไกล

ข้อสำคัญ ทั่นนายกฯ “ไม่มีข้อกังวลใดๆ” เพราะ “ขณะนี้ก็กำลังเตรียมการไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ซึ่งนายดอนก็ได้ดูแลเตรียมการให้นายกฯ เดินทางอยู่” ความสำคัญที่ยังไม่ต้องไล่ออกอยู่ตรงนี้

นอกจากจัดการเรื่องที่นั่ง เรื่อง สแน็ค ชีสกับคาเวียร์ คงจัดการเรื่อง ฉาก เช่น ประเทศไทยภายใต้การครอบครองของคณะทหารนี้ด้านสิทธิมนุษยชนเจ๋ง ถ้าไม่ขัดคำสั่ง คสช. ไม่มีใครถูกเรียกหรือหิ้วไปรายงานตัวให้ตำรวจขังรอสามสี่วันค่อยคิดข้อหาฟ้อง ด้วยแหละ