(แฟ้มภาพ ขณะกลุ่มผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2561)
อัยการคดี MBK39 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เหตุไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ แต่ยังต้องรออัยการสูงสุด
09/03/2018
By Admin01
ที่มา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
9 มี.ค.61 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการแขวงปทุมวัน พนักงานอัยการได้นัดหมายผู้ต้องหาในคดีคนอยากเลือกตั้ง หรือ “MBK39” ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 และชุมนุมในรัศมี 150 เมตร จากเขตพระราชฐาน ตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จากการชุมนุมที่สกายวอล์คหน้าห้างสรรพสินค้า MBK (มาบุญครอง) เมื่อวันที่ 27 ม.ค.61 ให้มารายงานตัว
หลังจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ทางพนักงานสอบสวนสภ.ปทุมวันได้ส่งตัวผู้ต้องหาและสำนวนให้พนักงานอัยการ โดยมีความเห็นสั่งฟ้องคดี และอัยการได้นัดหมายให้เข้ารายงานตัวในวันนี้ โดยทางกลุ่มผู้ต้องหายังได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและขอให้อัยการมีคำสั่งสอบสวนพยานของผู้ต้องหาเพิ่มเติมไปยังพนักงานสอบสวน
สำหรับการเข้ารายงานตัวในวันนี้ มีผู้ต้องหาเดินทางไปที่สำนักงานอัยการแขวงปทุมวันทั้งหมด 23 คน โดยมีผู้ต้องหา 5 คน ได้ขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากติดภารกิจ
ในวันนี้ พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี เนื่องจากเห็นว่าการฟ้องจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ และจะได้ทำความเห็นพร้อมส่งสำนวนไปที่อัยการสูงสุด ให้มีความเห็นต่อไป พร้อมได้นัดผู้ต้องหามารายงานตัว และฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 19 เม.ย.61 เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ ความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการเจ้าของสำนวนยังไม่ถือว่าทำให้คดีสิ้นสุด ยังต้องรอความเห็นจากอัยการสูงสุดต่อไป โดยการส่งสำนวนไปที่อัยการสูงสุดของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน เป็นไปตามอำนาจใน พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 21 วรรคสอง ซึ่งระบุว่า “ถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ ให้เสนอต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้องได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.อ.”
ขณะเดียวกัน วานนี้ (8 มี.ค.) ศาลแขวงปทุมวันได้พิพากษาคดีของ MBK39 อีก 2 ราย ได้แก่ นายนพเก้า คงสุวรรณ และนายนพพร นามเชียงใต้ ซึ่งให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนก่อนหน้านี้ โดยเห็นว่าจำเลยทั้งสองคนกระทำความผิดในทั้งสองข้อหา พิพากษาให้จำคุก 12 วัน ปรับ 6,000 บาท แต่ให้การรับสารภาพ ลดโทษครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 วัน ปรับ 3,000 บาท เนื่องจากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นเวลา 1 ปี โดยศาลไม่ได้พิจารณาในรายละเอียดพฤติการณ์ต่างๆ แต่อย่างใด
ในส่วนผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุมอีก 9 ราย ในกรณีการชุมนุม MBK39 นี้ ที่มีการกล่าวหาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ด้วยนั้น คดียังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน
ดูเพิ่มเติม
MBK39 เข้ารับทราบข้อหา ทั้ง 2 ศาลสั่งปล่อยตัวทั้งหมด
ส่งตัวผู้ต้องหา MBK39 ให้อัยการ ด้านแกนนำเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน
ศาลพิพากษา 2 จำเลย MBK39 จำคุก 12 วัน ปรับ 6พันบ. สารภาพลดกึ่งหนึ่ง โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี
9 มี.ค.61 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการแขวงปทุมวัน พนักงานอัยการได้นัดหมายผู้ต้องหาในคดีคนอยากเลือกตั้ง หรือ “MBK39” ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 และชุมนุมในรัศมี 150 เมตร จากเขตพระราชฐาน ตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จากการชุมนุมที่สกายวอล์คหน้าห้างสรรพสินค้า MBK (มาบุญครอง) เมื่อวันที่ 27 ม.ค.61 ให้มารายงานตัว
หลังจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ทางพนักงานสอบสวนสภ.ปทุมวันได้ส่งตัวผู้ต้องหาและสำนวนให้พนักงานอัยการ โดยมีความเห็นสั่งฟ้องคดี และอัยการได้นัดหมายให้เข้ารายงานตัวในวันนี้ โดยทางกลุ่มผู้ต้องหายังได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและขอให้อัยการมีคำสั่งสอบสวนพยานของผู้ต้องหาเพิ่มเติมไปยังพนักงานสอบสวน
สำหรับการเข้ารายงานตัวในวันนี้ มีผู้ต้องหาเดินทางไปที่สำนักงานอัยการแขวงปทุมวันทั้งหมด 23 คน โดยมีผู้ต้องหา 5 คน ได้ขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากติดภารกิจ
ในวันนี้ พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี เนื่องจากเห็นว่าการฟ้องจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ และจะได้ทำความเห็นพร้อมส่งสำนวนไปที่อัยการสูงสุด ให้มีความเห็นต่อไป พร้อมได้นัดผู้ต้องหามารายงานตัว และฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 19 เม.ย.61 เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ ความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการเจ้าของสำนวนยังไม่ถือว่าทำให้คดีสิ้นสุด ยังต้องรอความเห็นจากอัยการสูงสุดต่อไป โดยการส่งสำนวนไปที่อัยการสูงสุดของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน เป็นไปตามอำนาจใน พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 21 วรรคสอง ซึ่งระบุว่า “ถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ ให้เสนอต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้องได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.อ.”
ขณะเดียวกัน วานนี้ (8 มี.ค.) ศาลแขวงปทุมวันได้พิพากษาคดีของ MBK39 อีก 2 ราย ได้แก่ นายนพเก้า คงสุวรรณ และนายนพพร นามเชียงใต้ ซึ่งให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนก่อนหน้านี้ โดยเห็นว่าจำเลยทั้งสองคนกระทำความผิดในทั้งสองข้อหา พิพากษาให้จำคุก 12 วัน ปรับ 6,000 บาท แต่ให้การรับสารภาพ ลดโทษครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 วัน ปรับ 3,000 บาท เนื่องจากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นเวลา 1 ปี โดยศาลไม่ได้พิจารณาในรายละเอียดพฤติการณ์ต่างๆ แต่อย่างใด
ในส่วนผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุมอีก 9 ราย ในกรณีการชุมนุม MBK39 นี้ ที่มีการกล่าวหาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ด้วยนั้น คดียังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน
ดูเพิ่มเติม
MBK39 เข้ารับทราบข้อหา ทั้ง 2 ศาลสั่งปล่อยตัวทั้งหมด
ส่งตัวผู้ต้องหา MBK39 ให้อัยการ ด้านแกนนำเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน
ศาลพิพากษา 2 จำเลย MBK39 จำคุก 12 วัน ปรับ 6พันบ. สารภาพลดกึ่งหนึ่ง โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี