เมื่อถึงกาลจะ ‘สิ้น’ ปี บรรดามือวางด้านกฎหมายของ คสช. ทั้งมีชัย
ฤชุพันธุ์ วิษณุ เครืองาม และบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
ต่างยกโขยงกันไปสวมกิโมโนท่องยุ่นปี่
อยู่ทางนี้มือวางด้านรัฐศาสตร์ เอนก
เหล่าธรรมทัศน์ จัดโปรโมชั่น ‘แบล็คไฟรเดย์’
ลดแลกแจกแถม ‘ราชาธิปไตย’ รุ่น ‘LT’ (‘ลิมิเต็ด’ อะ) ที่เขาเรียก ‘ปรมิตตาญาสิทธิราชย์’ หรือ ‘Limited Monarchy’
ท่ามกลางความระห้อยหาอาลัย
ดังที่ชัย ราชวัตร นำเอาบทกลอนของประยอม ซองทอง มาทำเป็นกร๊าฟฟิคสดุดีว่า ‘ลาทีปีไก่’
ก่อนจะถึงปีจอ ศก ๖๑
กิจการทีวีดิจิทัลต่างพากันปิดตัวเองเป็นทิวแถว* ประดา ‘อรหัตถ์’ เส้นสายมือไม้ของ คสช. ที่ใช้กำหลาบสื่อ
ฉายา ‘กสทช.’ พากันตัดสูทสากลใหม่ให้รับกับราศี
ในราคาชุดละ ๓ หมื่นกว่า รวมแล้วทั้งสิ้นใช้งบประมาณของรัฐไป ๓๖๗,๒๒๔ บาท
*ย้อนรอยเสียหน่อยก่อน :จากสำนักข่าวอิศรา “ขณะที่ทีวีดิจิทัล
ได้รับผลกระทบถ้วนหน้าจากผู้บริโภคที่หันไปดูทีวีออนไลน์แทน
ผลประกอบการส่วนใหญ่ขาดทุน หลายช่องแก้ปัญหาด้วยการดึงกลุ่มทุนเข้ามาถือหุ้น
ในปี
2560 ทีวีดิจิทัลที่ประกาศโครงการเออลี่รีไทร์ เช่น ไทยรัฐทีวี วอยซ์ทีวี
ส่วนไทยพีบีเอส ออกโครงการเออลี่รีไทร์รอบสอง ค่ายเนชั่นขายช่อง NOW26 แต่หากนับจากปลายปี 2559 เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อต่อลมหายใจหลายช่อง
เช่น
เครือแกรมมี่ขายช่อง
GMM25 ให้ตระกูลสิริวัฒนภักดี ส่วนอีกช่องของแกรมมี่ คือ ช่อง ONE กลุ่มปราสาททองโอสถเจ้าของช่องพีพีทีวี เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 50 เช่นเดียวกับ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งฯ เจ้าของช่อง AMARIN ขายช่องให้กับ ตระกูลสิริวัฒนภักดี”
สำหรับ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ นั้น
อจ.ปิยบุตร แสงกนกกุล บอกให้จับตาบทบาท เพราะ “หลังจากอาจารย์บวรศักดิ์แล้ว
ตอนนี้ก็มีอาจารย์เอนกอีกคน ที่เข้าทำหน้าที่ตัดเชื่อมต่อสถาบันกษัตริย์ให้เข้ากับระบอบการปกครองสมัยใหม่
โดยที่สถาบันกษัตริย์ยังคงมีอำนาจและบทบาท”
คัด ‘คลังปัญญา’ จากหน้าเฟชบุ๊ค Anek Laothamatas มาให้อ่านพอสังเขป(https://www.facebook.com/AnekLaothamatas/posts/1326104420868553)
เขาว่าตลอด ๘๕ ปีที่ผ่านมา
พระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักและแก่นสารของระบอบปกครองไทย
เคียงคู่กับทั้งประชาธิปไตยและเผด็จการ-อำนาจทหาร โดยเฉพาะราชาธิปไตยแบบ ร.๙ ที่ “เปลี่ยนผ่านจากราชาธิปไตยแบบ ร. ๗ ซึ่งไม่ค่อยได้รับการยอมรับและประกอบภารกิจที่ไม่ได้ผลมากนัก”
ตั้งแต่ ๒๕๑๖ จนถึงปัจจุบัน “ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจจากการเลือกตั้งหรือผู้มีอำนาจจากการยึดอำนาจ
แทบทุกฝ่ายทุกกลุ่มล้วนไม่กล้าแตะต้อง ก้าวล่วง หรือท้าทายองค์พระมหากษัตริย์
ล้วนต้องเข้าเฝ้าขอความเห็นชอบและความสนับสนุนจากสถาบัน
ล้วนต้องรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ”
เนื่องแต่ปี ๖๐ ได้ส่งเสด็จ ร.๙
สู่สวรรคาลัยไปแล้ว น่าเสียดายอาจารย์เอนกไม่ได้เติมปัญญาผู้อ่านด้วยว่าขณะนี้เข้ารัชกาลที่
๑๐ แล้ว จะมีความเหมือนหรือความต่างระหว่างรัชกาล
ในการเป็นแก่นสารและเสาหลักของระบอบปกครอง หรือไม่
แก่นสารส่งท้ายปีไก่ติดใจพสกนิกรตอนนี้เห็นมีเรื่องนาฬิกานั่นละที่เด่น
ในเมื่อเรือนที่ ๑๓ เพิ่งโผล่หมาดๆ จากการนำเสนอของ ‘CSI LA’ ตามภาพถ่ายในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
๒๕ เมษา ๖๐ เมื่อ “บิ๊กป้อมแจงซื้อเรือดำน้ำผ่าน
ครม.นานแล้ว เป็นเอกสารลับเปิดเผยไม่ได้ ย้ำจำเป็นรักษาทรัพยากรทางทะเล”
และเดอะเนชั่นตอนพลเอกประวิตรไปดุงานแข่งขันฝีมือคนพิการแห่งชาติ
ครั้งที่ ๘ http://www.nationtv.tv/main/content/378544650/…”
การนี้นายวรวิทย์
สุขบุญ เลขาธิการ ปปช.บอกกับสื่อว่า “พล.อ.ประวิตร (วงษ์สุวรรณ) ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนาฬิกาและแหวนมาให้
ป.ป.ช.เมื่อวันที่ ๒๗ ธ.ค.ที่ผ่านมา” แล้ว “ไม่ขอเปิดเผยคำชี้แจง” นั้น
แต่อย่างไรก็ตามจะทำการตรวจสอบ
ยืนยันข้อมูลและข้อเท็จจริง ตอนต้นปี ๖๑ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน อันเป็นการตรวจสอบว่ามีเหตุอันสมควรทั้งจากที่ตกเป็นข่าวและมีการร้องเรียน
“ว่าเป็นไปตามข้อมูลที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.หรือไม่”
ซึ่งเหล่าผู้สังเกตุการณ์ออนไลน์ตั้งหน้าเฝ้า
“รอดู ป้อม คสช. จะรอดด้วยข้อแก้ตัวแบบไหน” (คำของ ชัยวุฒิ สุวรรณโณ) โดยเทียบเคียงกับตัวอย่าง
คดีที่มีนักกการเมืองจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ หรือจงใจไม่ยื่นให้ ปปช.ตรวจสอบ
“สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ล่าสุดในช่วงเดือน พ.ย.๒๕๖๐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา
(เรื่องนี้) อีก ๖ คดี” จำแนกเป็นจงใจยื่นบัญชีเท็จ ๑ คดี และจงใจไม่มยื่นอีก ๕
คดี
“มีความผิด
ต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ๕ ปี พ้นตำแหน่งทันที ๕ ราย ปรับเงินคนละ ๔,๐๐๐-๑๒,๐๐๐ บาท และจำคุก ๑-๓ เดือน
โดยให้รอการลงโทษจำคุกทั้งหมด”
สรุปว่าต้นปีหน้า
ท่าจะคึกคัก ทั้งอาจได้เห็นพัฒนาการราชาธิปไตยไทยภายใต้ ร.๑๐ ไหนจะได้ชมลีลาพริ้วของพี่ใหญ่
คสช. ต่อคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่บังเอิ๊นบังเอิญประธานเป็นลูกน้องเก่าของผู้ถูกตรวจสอบ
พล็อตนี้สนุกแน่