นัยว่าออร่าผู้นัมพ์ของน้าม้าร์คกำลังจะเปล่ง
จากการนำหน้าพวกพ้องประชาธิปัตย์ฟัดกับลุงตูบ
มติชนสุดสัปดาห์แย้มว่าเพราะ “สถานการณ์เป็นใจ”
เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ของเพื่อไทยข้อเท้าแพลง หลังสะดุดดอกดาวเรืองเกือบหกล้ม
(https://www.matichonweekly.com/column/article_72537)
บ้างชี้ว่าเขาเพิ่งคิดได้ที่พลาดไปเป็นนั่งร้านกวักมือเรียกเผด็จการ
คสช. เข้ามาเอาปลาไปกินคนเดียว “แกนนำ ปชป.บางคนถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนักหนา” ดังมีข้อคิดวิเคราะห์ไว้เหมาะเจาะบนสื่อสังคม
กรณี คสช.ใช้ ม.๔๔ บิดพริ้ว พรป.พรรคการเมืองที่ลิ่วล้อร่างให้
“ตามที่อภิสิทธิ์ตั้งคำถามว่านี่เป็นการเอื้อกลุ่มคนที่จะตั้งพรรคใหม่หรือไม่
พรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบจากพรรคทหารน้อยมาก”
เขาว่าเนื่องแต่คะแนนคนรักทักษิณทางเหนือและอีสานยังแข็งปั๋ง
“พรรคทหารจะเป็นภัยต่อ ปชป. มากที่สุด
เพราะมุ่งไปที่ฐานเสียงเดียวกัน คือ กทม.และภาคใต้ โดยมี ‘สายลับหน้าดำ’ (อ๊ะ ใครวะ) เป็นหัวหอก” เขาบอกอีกว่าในภาคใต้จะเป็นศึก
‘ตัวแทน’ ระหว่างนายหัวกับกำนัน
ว่าใครจะบารมีมากกว่ากัน
ความเจ็บปวดอีกอย่างขณะนี้อยู่ที่ฐานเสียง
ปชป.ภาคใต้กำลังกระอัก อันเป็นผลกระทบเศรษฐกิจจากวิกฤตราคายางตกต่ำไม่ยอมฟื้น
ทำให้ทรัพย์สินชาวสวนเริ่ม ‘ถูกยึด’ กันแล้ว
“สถานการณ์ที่นั่นหนักมาก” หลัดๆ ข่าวเนชั่นออกมายัน
“ปรากฏว่าเฉพาะเดือนธันวาคมเดือนเดียว ซึ่งยังไม่หมดเดือนด้วย...มียอดยึดรถที่ขาดส่งจำนวนถึง
๕๔๐ คัน...เป็นผลจากราคายางตกต่ำ ทำให้ลูกหนี้ไม่มีเงินผ่อนรถ”
อีกฐานเสียงที่เริ่มกระแอมไม่ออกก็คือ
บรรดาชนชั้นกลางในเมือง พวกสนับสนุนปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เหล่าคนดีมีจิตประเสริฐ
แต่รังเกียจรากหญ้าและแรงงานต่างด้าว
คนกลุ่มนี้ที่เกาะกระแส ‘พี่ตูน’ กันนักกันหนา แม้นว่าพี่ตูนแกจะทำในสิ่งที่ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่เคยมีคนทำแล้วครั้งหนึ่ง
ซึ่งผลลัพท์ไม่ยิ่งใหญ่เท่า (เงินบริจาคพี่ตูน ๑,๒๐๐
ล้านบาท) ก็ตาม
ถึงกระนั้นก็มีเสียงบ่นว่า “เงินของพี่ตูนมาไม่ถึง
รพ.หนูนะพี่...แต่สิ่งที่มาถึงคือข้อมูลหนี้ของโรงพยาบาล หนี้ที่ชาวบ้านไม่เคยรู้...โรงพยาบาลก็มีหนี้
มันไม่ได้รักษากันฟรี และไม่ได้มีแต่ค่ายาที่แพง”
คนเหล่านี้แหละกำลังจะสะอึก เมื่อ “คลังจ่อรีดภาษีกองทุนยกแผง”
(ขอบคุณหมอ ชัยวุฒิ สุวรรณโณ แนะนำลายแทง)
ดังที่ข่าวประชาชาติธุรกิจเล่าแจ้ง ว่ากระทรวงการคลังเตรียมการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลใหม่
ในอัตรา ๑๕ เปอร์เซ็นต์รวด หวังที่จะมีรายได้เข้ารัฐเพิ่มอีกสักปีละ ๑,๖๐๐ ถึง ๒,๕๐๐ ล้านบาท
ทำให้แวดวงผู้จัดการกองทุนพากันวิจารณ์ว่า “แนวทางเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้กองทุนรวมให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้น้อยลง
ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนลังเลที่จะลงทุนต่อ...
รัฐบาลคิดหารายได้จากภาษีอย่างเดียว
แต่ไม่ได้ดูผลกระทบไปถึงรายจ่ายในอนาคต...ดังนั้นหาก พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่าน
แม้จะช่วยให้เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น
แต่อนาคตก็คงต้องรอรับดอกเบี้ยจ่ายที่จะต้องสูงขึ้นด้วย”
ไม่เป็นไร คนไทยน้ำใจเลิศอยู่แล้วเชียว
ดูจากการบริจาคพี่ตูนนี่ โหย เกินคาด มุ่งมาตรไว้แค่ ๗๐๐ ล้าน เอาเข้าจริงเป็นพัน ต่อไปถ้าบ้านเมืองเกิดวิกฤตอะไรอีก
ก็ชวนกันวิ่งรับบริจาคนี่แหละแก้ได้ เรื่องจิตกุศลคงต้องยกให้พี่ไทย
ปลูกฝังกันมาดี
ดูแต่เด็กชายวัย ๘ ขวบ
วิ่งเล่นในห้างเจอเงินหล่นตั้ง ๔ หมื่น เก็บไปส่งคืนเจ้าของเรียบร้อย
ทางโรงเรียนจึงทำเกียรติบัตรพร้อมประกาศคุณงามความดีให้ มิหนำซ้ำเจ้าของเงินก็ดีใจ
(ฉิ) หาย ตกรางวัลน้องกาฟิวส์เด็กดีกันตัง ตั้ง ๒๐ บาทแน่ะ
เป็นปลื้มจนทำให้นึกถึงเนื้อร้องเพลงไทยเพลงหนึ่งขึ้นมาได้
“ไทยยย เป็นชาติมีน้ำใจ” แค่ท่อนเปิดนี่ก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหลแล้วละ