วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 28, 2560

เขาว่า อภิสิทธิ์นำหน้าพวกพ้อง ปชป. ฟัดกับลุงตูบ เพราะฐานเสียงภาคใต้และในกรุงกำลังจะกระอัก

นัยว่าออร่าผู้นัมพ์ของน้าม้าร์คกำลังจะเปล่ง จากการนำหน้าพวกพ้องประชาธิปัตย์ฟัดกับลุงตูบ

มติชนสุดสัปดาห์แย้มว่าเพราะ “สถานการณ์เป็นใจ” เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ของเพื่อไทยข้อเท้าแพลง หลังสะดุดดอกดาวเรืองเกือบหกล้ม (https://www.matichonweekly.com/column/article_72537)

บ้างชี้ว่าเขาเพิ่งคิดได้ที่พลาดไปเป็นนั่งร้านกวักมือเรียกเผด็จการ คสช. เข้ามาเอาปลาไปกินคนเดียว “แกนนำ ปชป.บางคนถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนักหนา” ดังมีข้อคิดวิเคราะห์ไว้เหมาะเจาะบนสื่อสังคม กรณี คสช.ใช้ ม.๔๔ บิดพริ้ว พรป.พรรคการเมืองที่ลิ่วล้อร่างให้

“ตามที่อภิสิทธิ์ตั้งคำถามว่านี่เป็นการเอื้อกลุ่มคนที่จะตั้งพรรคใหม่หรือไม่ พรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบจากพรรคทหารน้อยมาก” เขาว่าเนื่องแต่คะแนนคนรักทักษิณทางเหนือและอีสานยังแข็งปั๋ง

“พรรคทหารจะเป็นภัยต่อ ปชป. มากที่สุด เพราะมุ่งไปที่ฐานเสียงเดียวกัน คือ กทม.และภาคใต้ โดยมี สายลับหน้าดำ(อ๊ะ ใครวะ) เป็นหัวหอก” เขาบอกอีกว่าในภาคใต้จะเป็นศึก ตัวแทนระหว่างนายหัวกับกำนัน ว่าใครจะบารมีมากกว่ากัน

ความเจ็บปวดอีกอย่างขณะนี้อยู่ที่ฐานเสียง ปชป.ภาคใต้กำลังกระอัก อันเป็นผลกระทบเศรษฐกิจจากวิกฤตราคายางตกต่ำไม่ยอมฟื้น ทำให้ทรัพย์สินชาวสวนเริ่ม ถูกยึด กันแล้ว

“สถานการณ์ที่นั่นหนักมาก” หลัดๆ ข่าวเนชั่นออกมายัน “ปรากฏว่าเฉพาะเดือนธันวาคมเดือนเดียว ซึ่งยังไม่หมดเดือนด้วย...มียอดยึดรถที่ขาดส่งจำนวนถึง ๕๔๐ คัน...เป็นผลจากราคายางตกต่ำ ทำให้ลูกหนี้ไม่มีเงินผ่อนรถ”


อีกฐานเสียงที่เริ่มกระแอมไม่ออกก็คือ บรรดาชนชั้นกลางในเมือง พวกสนับสนุนปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เหล่าคนดีมีจิตประเสริฐ แต่รังเกียจรากหญ้าและแรงงานต่างด้าว


คนกลุ่มนี้ที่เกาะกระแส พี่ตูนกันนักกันหนา แม้นว่าพี่ตูนแกจะทำในสิ่งที่ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่เคยมีคนทำแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งผลลัพท์ไม่ยิ่งใหญ่เท่า (เงินบริจาคพี่ตูน ๑,๒๐๐ ล้านบาท) ก็ตาม

ถึงกระนั้นก็มีเสียงบ่นว่า “เงินของพี่ตูนมาไม่ถึง รพ.หนูนะพี่...แต่สิ่งที่มาถึงคือข้อมูลหนี้ของโรงพยาบาล หนี้ที่ชาวบ้านไม่เคยรู้...โรงพยาบาลก็มีหนี้ มันไม่ได้รักษากันฟรี และไม่ได้มีแต่ค่ายาที่แพง”
คนเหล่านี้แหละกำลังจะสะอึก เมื่อ “คลังจ่อรีดภาษีกองทุนยกแผง” (ขอบคุณหมอ ชัยวุฒิ สุวรรณโณ แนะนำลายแทง) ดังที่ข่าวประชาชาติธุรกิจเล่าแจ้ง ว่ากระทรวงการคลังเตรียมการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลใหม่ ในอัตรา ๑๕ เปอร์เซ็นต์รวด หวังที่จะมีรายได้เข้ารัฐเพิ่มอีกสักปีละ ๑,๖๐๐ ถึง ๒,๕๐๐ ล้านบาท
ทำให้แวดวงผู้จัดการกองทุนพากันวิจารณ์ว่า “แนวทางเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้กองทุนรวมให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้น้อยลง ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนลังเลที่จะลงทุนต่อ...

รัฐบาลคิดหารายได้จากภาษีอย่างเดียว แต่ไม่ได้ดูผลกระทบไปถึงรายจ่ายในอนาคต...ดังนั้นหาก พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่าน แม้จะช่วยให้เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น แต่อนาคตก็คงต้องรอรับดอกเบี้ยจ่ายที่จะต้องสูงขึ้นด้วย”


ไม่เป็นไร คนไทยน้ำใจเลิศอยู่แล้วเชียว ดูจากการบริจาคพี่ตูนนี่ โหย เกินคาด มุ่งมาตรไว้แค่ ๗๐๐ ล้าน เอาเข้าจริงเป็นพัน ต่อไปถ้าบ้านเมืองเกิดวิกฤตอะไรอีก ก็ชวนกันวิ่งรับบริจาคนี่แหละแก้ได้ เรื่องจิตกุศลคงต้องยกให้พี่ไทย ปลูกฝังกันมาดี
ดูแต่เด็กชายวัย ๘ ขวบ วิ่งเล่นในห้างเจอเงินหล่นตั้ง ๔ หมื่น เก็บไปส่งคืนเจ้าของเรียบร้อย ทางโรงเรียนจึงทำเกียรติบัตรพร้อมประกาศคุณงามความดีให้ มิหนำซ้ำเจ้าของเงินก็ดีใจ (ฉิ) หาย ตกรางวัลน้องกาฟิวส์เด็กดีกันตัง ตั้ง ๒๐ บาทแน่ะ


เป็นปลื้มจนทำให้นึกถึงเนื้อร้องเพลงไทยเพลงหนึ่งขึ้นมาได้ “ไทยยย เป็นชาติมีน้ำใจ” แค่ท่อนเปิดนี่ก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหลแล้วละ