วันพุธ, ธันวาคม 27, 2560

ยุค คสช. นี้ 'พิกลพิการ' ‘แปลกแต่จริง’ และ 'ประหลาด' ครบเครื่อง

เมืองไทยยุค คสช. นี้พิกลพิการไปเสียเกือบจะทุกอย่าง ที่เห็นๆ กันมาสองสามปีและยิ่งถี่ขึ้นระยะนี้ก็ตรงที่ รัฐบาลเผด็จการทหารที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จมาตรา ๔๔ ตามอำเภอใจ ไม่คำนึงหลักการ หลักกฎหมาย (สากล) แต่กลับอ้างว่าเพื่อที่จะสร้างประชาธิปไตยยั่งยืน ให้มั่งคั่งและมั่นคงกัน ๒๐ ปี

สองวันก่อน หนังสือพิมพ์มติชนพาดหัวข่าว “งง ค.ร.ม.ยังไม่อนุมัติ กทม.กลับเดินหน้าประมูล"ทางเลียบเจ้าพระยา"ชี้เสี่ยงทุจริตภาษี 8,000 ล. เรื่องมีว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าการ กทม. แถลงถึงโครงการ ทางเลียบเจ้าพระยาว่า “กำลังอยู่ในขั้นตอนประกวดราคา และเดินหน้าต่อไป”

แต่กลุ่ม ‘Friends of the River’ ออกมาท้วงติงว่า “เหตุใด กทม.จึงดำเนินการประกวดราคาทั้งที่ ครม.ยังไม่อนุมัติ...ปัจจุบันสังคมยังไม่เห็นแผนแม่บทที่ชัดเจน จึงน่าเป็นห่วงว่าอาจสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต”


ซึ่งก็มีคนคอมเม้นต์น่าคิดว่า “งงอะไรกัน ทั้งผู้ว่ากทม.และครม.มาจาก คสช.ทั้งคู่” (ชัยวุฒิ สุวรรณโณ) ใชสน ชอบให้อำนาจบาตรใหญ่เหมือนกัน

และที่ แปลกแต่จริงตรงกระบวนการตุลาการไทย มีคนรวบรวมไว้ว่า ทุจริตคลองด่าน นายชวน หลีกภัย ไม่ผิดเพราะเป้นเพียงผู้กำกับนโยบาย เช่นเดียวกับคดีประกันราคาข้าวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ศาลก็ว่าไม่ผิดเพราะเป็นผู้กำกับนโยบายเหมือนกัน
คดี ปรส. นายชวนไม่ผิดเช่นกันในฐานะผู้กำกับนโยบาย คนที่ผิดเป็นนายอมเรศ ศิลาอ่อน โดนโทษคุกแค่สองปีแล้วให้รอลงอาญา สบายโก๋ ส่วนคดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผิดเต็มเปาเพราะเป็นผู้กำกับนโยบาย ฐานความผิดอยู่ที่เธอนามสกุลอะไร พวกใคร

ส่วนเรื่องประหลาด เป็นการตีอกชกลมกันในหมู่พวกที่บอกว่ารัฐบาลมาจากไหน (เลือกตั้งหรือไม่) ไม่สำคัญ ขอให้ได้ คนดีมาเป็นรัฐบาลก็แล้วกัน แต่ความหมายของคำว่าคนดี เหล่านี้ก็กำกวมเสียจนมาลงเอยที่ คนของพวกกรู ไปเสียฉิบ

พวกนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังขาขึ้น ปีหน้าปีโน้นไปโลดแน่เพราะการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า การจ้างงานยังไม่ดีขึ้น หนี้เสียยังสูงอยู่ และการค้าปลีกยังหงอยเหงาซบเซา

วานนี้ (๒๖ ธันวา) ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ของ ดร.โสภณ พรโชคชัย แถลงว่ามีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น “ก็คือสินค้าราคาถูกหรือราคาปานกลางค่อนข้างถูก ขายได้ยาก แต่สินค้าราคาแพงหรือปานกลางค่อนข้างแพงกลับขายดีกว่า”

แถลงการณ์บอกด้วยว่า “ทุกวันนี้แม้แต่ บมจ.แอลพีเอ็นดีเวลลอปเมนท์ ที่มีคุณูปการต่อชาติเป็นอย่างยิ่งที่สร้างบ้านราคาถูกขายแก่ประชาชน ก็ยังหันมาสร้างบ้านราคาสูงขึ้น เพราะบ้านราคาถูกไม่มีคนซื้อ

ไม่ใช่คนไทยรวยขึ้น แต่เพราะคนจนมีฐานะแย่ลง ไม่มี ปัญญา ซื้อ แต่คนรวยกลับรวยขึ้นต่างหาก”


นี่แสดงว่าภาวะ รวยกระจุก จนกระจายยังเป็นความจริงที่เผชิญหน้าสุขภาพทางเศรษฐกิจของชาติในวันนี้ ตอนจะสิ้นปี อันทำให้ราคาคุยของ คสช. ว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะทะยานฟ้านั้นเป็นแต่เพียงโวหารกล่อมจิต มวลมหาประชาชนเท่านั้นแหละ
ดร.โสภณเตือนว่า ภาวะฟองสบู่ในด้านที่อยู่อาศัยกำลังจะมาเยือนอีกหน “คือการเกิดขึ้นของโครงการที่น่าจะมากเกินความต้องการ เฟื่องฟูกันใหญ่เลย โดยแรก ๆ จะมีคนซื้อคนขายกันคึกคัก แต่ในช่วงต่อมาก็จะมีแต่คนขาย มีการผลิตมากมาย แต่คนซื้อชักหดตัว”

ท้ายที่สุดจะนำไปสู่ ฟองสบู่แตกเหมือนเมื่อตอน พ.ศ. ๒๕๔๐ “...โครงการต่าง ๆ พากันลงเหวกันยกใหญ่”

อีกอย่างคือเรื่อง ตูน บอดี้แสลม วิ่งจากใต้จรดเหนือ ๒ พันกว่ากิโล ได้เงินบริจาคกว่า ๑,๒๐๐ ล้านบาท เป็นฮีโร่ของคนไทยเวลานี้ จนบางคนเอาไปเปรียบกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรโน่นเลย
 
ความประหลาดไม่ได้อยู่ที่การเป็นฮีโร่ของนายอาทิวราห์ คงมาลัย แต่อยู่ที่คนไปเกาะกระแสวิ่งควบบางช่วง สามกิโล ห้ากิโล ให้ได้ชื่อว่าข้าสนับสนุน แบบเดียวกับคสช. เอาเครื่องบินทหารไปรับทีมงานกลับกรุงเทพฯ

แล้วที่ประหลาดอย่างพิลึกกึกกือก็คือ พวกผู้บริหารโรงพยาบาลหลายแห่งที่ พี่ตูนวิ่งขอบริจาคเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือนั้น ดันแห่เอาเงินไปบริจาคร่วมโครงการก้าวได้ก้าวเอากับเขาบ้าง

อย่างนี้เท่ากับเอา อัฐยายซื้อขนมยายบริจาคไปให้เขาบริจาคกลับมาเพื่ออะไร ให้ได้ดังบ้างน่ะหรือ

สำหรับโรงพยาบาลที่รอรับเงินบริจาค เปิดรับบริจาคสมทบแล้วนำเงินไปมอบเข้าโครงการ ดังกรณีคณะผู้บริหารโรงพยาบาลขอนแก่นมอบเงินสี่ล้านกว่าให้ล่าสุดนี้ (ดูข่าวเอ็มไทย https://news.mthai.com/general-news/606591.html และเพจดราม่าแอ๊ดดิคท์ https://de-de.facebook.com/DramaAdd/posts/10156170084653291)

ถึงจะไม่กระไรนัก แต่การยกโขยงขึ้นเครื่องกันไปแม่สาย เชียงรายเพื่อมอบเงินและร่วมฉลองเส้นชัยกับพี่ตูน นี่ออกจะพีอาร์ทีมงานโรงพยาบาลมากไปหน่อยมั้ง และ “สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ” (ดังโพสต์ของ วิวาทะ V2 ว่าไว้) อีกด้วยสิ