วันศุกร์, ธันวาคม 29, 2560

‘ตลกหลวง’ หน้ามุ่ยเพราะกองหนุนหมด ท่ามกลางการ คุมเข้ม คุกคาม และล้มลุกคลุกคลาน

หน้ามุ่ยเพราะกองหนุนหมด วันนี้ขอเอาเรื่องเกิดที่บ้านบิ๊กป้อมมาต่อติดกับเหตุการณ์ที่บ้านป๋าเปรม หน่อยเหอะ

วาสนา (Nanuam) เขียนเล่า “บิ๊กตู่ยืนเท้าแขนข้างขวาที่ผนังห้องพร้อมพักขาไขว้กัน แสดงสีหน้า บ่ จอย เมื่อเห็นประตูห้องรับรองยังเปิดอยู่ แล้วทำให้นักข่าวที่รอกันอยู่ในบ้าน ร.1 รอ. ของบิ๊กป้อม เห็นภายในห้อง ที่ ๓ ป. ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ อยู่ด้วยกัน”

อะไรมันจะฉุนง่ายจัง เพิ่งสัญญากับป๋าอยู่หลัดๆ “สิ่งที่ผมสัญญากัลป๋าไว้ผมจะทำให้ได้ และจะไม่โมโห ยิ้มอย่างเดียว ประชาชนอยากให้ผมยิ้มเยอะๆ แม้ว่าใครจะทำให้ผมหงุดหงิดก็ตาม”
น่าจะเป็นเพราะป๋าบอกว่า “ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว” หรือเปล่า

นั่นจากตอนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกโขยงคณะรัฐมนตรีไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ป๋าอวยพรกลับ “ขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้ ผมเชื่อว่าตู่ทำได้ พวกเราทุกคนก็ทำได้ และกำลังทำกันอยู่”

ถึงได้เห็นภาพบิ๊กตู่ในเครื่องแต่งกายลำลองลงพื้นที่นครปฐม นำคณะ ๓ ก๊วนแค่มาเล่นกอล์ฟเฉยๆ ที่สนามนิกันติ ของตระกูลสะสมทรัพย์ ซึ่งนายเผดิมชัย อดีต รมว.แรงงานของพรรคเพื่อไทยต้องรีบออกมาแก้ต่าง “ท่านไม่พูดการเมืองสักแอะเลย”

ทั้งนี้หลังจากที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว. พาณิชย์สมัยพรรคไทยรักไทย เอาภาพไปโพสต์ประกอบบทความ อ้างถึงว่า “มีการเดินสายพบปะนักการเมืองที่มีแนวทางสนับสนุนตน”

จนทำให้นายเผดิมชัยต้องแก้ปมว่า สนามของตนได้รับรางวัลดีเด่นแห่งเอเซียแปซิฟิค “ต้อนรับกระทั่งพระราชินีจากมาเลย์ เราก็เหมือนร้านอาหาร เซเลบริตี้มาก็อยากถ่าย...เพื่อเป็นเกียรติว่าผู้ใหญ่ให้เกียรติมาเล่น เป็นเรื่องปกติมาก”

ส่วนใครจะคิดอย่างไร “เราเป็นนักการเมือง ลูกน้องก็มีออฟไซด์หรือไม่ออฟไซด์ เราก็ไม่รู้ ไม่ใช่ประเด็นใหญ่”


แน่นอน สำหรับนักการเมืองที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ มิน่าเล่า ผลสำรวจเกี่ยวกับความเสื่อมทรามในความตระหนักรู้ โดยองค์กรอิปโซส์ของฝรั่งเศสพบว่า
เมื่อปีที่แล้วดัชนีแห่งความไม่เอาไหน หรือ ‘ignorance’ ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวของคนไทย ติดอันดับ ๗ ของโลก (มติชนเรียกว่า ดัชนีความไม่รู้เรื่องรู้ราว) เป็นรองก็แต่อินเดีย จีน ไต้หวัน อาฟริกาใต้ สหรัฐ และบราซิล


สำหรับรายงานข่าวเรื่อง “ไทยติดอันดับ ๗ ประเทศที่ประชาชน ไม่รู้ข้อมูลประเทศตัวเอง มากที่สุดในโลก” โปรดดูที่ https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1482908487

แต่สำหรับนักการเมืองที่กล้าอ้าปากประจานว่า “เอางบประมาณแผ่นดินไปหาเสียงด้วยโครงการประชานิยมสารพัด ในขณะเดียวกันก็กดหัวพรรคการเมืองคู่แข่งไม่ให้ทำกิจกรรม เท่ากับเป็นการเอาเปรียบคู่แข่งอย่างไร้ยางอาย” นี่เป็นประเด็นสำคัญ

เผื่อไม่รู้ว่าสามปีภายใต้บงการของรัฐบาล คสช. เกิดอะไรบ้าง ขอแนะนำไปอ่านแถลงการณ์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ตามรายงานสถานการณ์ที่ผ่านมาตลอดปี ๒๕๖๐ ที่ว่าเต็มไปด้วยการ “ควบคุม คุกคาม และคลุกคลาน”

เขาให้รายละเอียดควรแก่การรับไว้ใส่หัว ว่า คสช. ใช้คำสั่งฉบับที่ ๙๗ และ ๑๐๓ ที่ออกมาตั้งแต่ปี ๕๗ คุมเข้ม สิทธิในการแสดงความคิดเห็น ห้ามวิพากษ์การทำงานของ คสช.เด็ดขาด วิจารณ์ว่าดีไม่เป็นไร ว่าร้ายโดนตะครุบทันที

กรณี คุกคามเขายกตัวอย่างการฟ้องร้องสื่อและนักวิชาการที่วิจารณ์การเมืองในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามมาตรา ๑๑๖ ประมวลกฎหมายอาญา ในลักษณะ ฟ้องเหมาเข่งเป็นเครื่องมือในการปราบปรามนักเคลื่อนไหว “ซึ่งการฟ้องในช่วงหลังจะพ่วงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้าไปด้วย”


แล้วยังมีกรณี ล้มลุกคลุกคลาน กันอีก ไม่เพียงเฉพาะที่สมาคมนักข่าวฯ เอ่ยถึงสื่อสายหลักหลายแห่งปิดตัวเอง ลดบริการ และเลิกจ้างพนักงาน เพราะความซบเซาของธุรกิจการค้า ความฝืดเคืองของการจ้างงาน
ชาวบ้านธรรมดา โดยเฉพาะสาวโรงงาน ท้ายปีนี้ ปี ๖๐ มี ฟ้าผ่าเมื่อมิตซูบิชิปิดโรงงาน พนักงานเกือบ ๒ พันคน เคว้ง มิใยแหล่งข่าวจากบริษัทมิตซูบิชิจะทักท้วงว่าแท้จริงมิใช่การ เลิกจ้าง

แต่เป็นเพียง ปิดงานจนกว่าการเจรจาระหว่างบริษัทกับสหภาพแรงงานจะเสร็จสิ้น หลังจากที่มีการนัดหยุดงาน แล้วเจรจาปรับโครงสร้างเงินเดือนกันไม่ลงรอย บริษัทจึงตอบโต้ด้วยมาตรการดังกล่าว


ถึงกระนั้นมันก็เป็นผลกระทบต่อเนื่องมากว่า ๓ ปี จากการที่เศรษฐกิจฝืดเคืองนับแต่คณะทหารเข้าไปยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หวังว่าจะได้เป็น พระเอกในสายตาพวกนั่งร้านที่กวักมือเรียกให้เข้ามา

ที่ไหนได้เมื่อเวลาและความ ไร้น้ำยา พิสูจน์ว่ารังแต่จะจมปลักกับเผด็จการ ตลกหลวงเอาแต่เกาะกิน ถึงได้เริ่มดิ้นกันขึ้นมาบ้าง จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาอย่างยิ่งในความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองสองขั้ว 

พร้อมใจเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๕๓/๒๕๖๐ เกี่ยวกับการสั่งให้พรรคการเมืองยืนยันสมาชิกภาพ ด้วยการจ่ายค่าสมาชิกนั้น จะมีน้ำยาด้วยหรือไม่