วันพุธ, ธันวาคม 27, 2560

ระหว่าง “ช่างไม้” กับ “คนทำสวน"... คุณเป็นพ่อแม่แบบไหนของลูก หนังสือน่าอ่านจาก นักจิตวิทยาระดับโลกอย่าง Alison Gopnik





ระหว่าง “ช่างไม้” กับ “คนทำสวน” “The Gardener and the Carpenter” เป็น “อุปมา” ของแนวทางการเลี้ยงลูกที่ต่างกันสุดขั้ว พ่อแม่ส่วนใหญ่ทำตัวแบบ “ช่างไม้” มีแผนการผลิตชัดเจน มีขั้นตอนการปฏิบัติงานชัดเจน มีแนวทางตายตัวว่า ลูกต้องเข้าโรงเรียนอะไรก่อนหลัง ต้องเน้นการเรียนวิชาไหน เพื่อจะให้ได้ “ผลลัพธ์” ที่ต้องการ ตรงกันข้าม พ่อแม่ที่เป็น “คนทำสวน” มุ่งเตรียมเนื้อนาดินให้อุดมสมบูรณ์ ปลอดภัย หว่านเมล็ด บำรุงดูแลพืชพรรณต่าง ๆ แต่ต่างจาก “งานไม้” เราไม่อาจคาดหวัง “ผลลัพธ์” ตามที่ต้องการได้ 100% เราไม่อาจคาดหวังได้ว่าพืชพรรณในสวนจะเติบโตขึ้นมาอย่างไร อาจมีต้นไม้อื่นขึ้นแซมมาบ้าง อาจมีการกลายพันธุ์ผิดเพี้ยนไปบ้าง

นักจิตวิทยาระดับโลกอย่าง Alison Gopnik บอกว่าแนวทางการเลี้ยงลูกแบบ “คนทำสวน” สอดคล้องกับหลักวิวัฒนาการของมนุษย์มากสุด สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ เพราะอะไร?

เพราะต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มนุษย์มีความริเริ่มสร้างสรรค์ ‘creativity’ ระหว่างการเติบใหญ่ขึ้นมา เด็กจึงต้องการพื้นที่อิสระเพื่อการเรียนรู้ เพื่อจินตนาการ อันนี้คือสิ่งที่ทำให้ ‘play’ “การเล่น” เป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ของเด็ก เขาทดลองเอาของเล่นชิ้นหนึ่งที่ทำงานได้หลายอย่าง ถ้าเด็กแตะถูกปุ่ม มันสามารถส่งเสียงได้ ร้องเพลงได้ ส่องแสงได้ และมีกระจกซ่อนอยู่ข้างใน เขาทดลองโดยแบ่งเด็กเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้เล่น “ของเล่น” ชิ้นนี้เอง โดยครูทำหน้าที่ชี้แนะอยู่ห่าง ๆ แต่เด็กอีกกลุ่มจะมีครูสาธิตวิธีเล่นของเล่นให้ดูอย่างละเอียด ปรากฏว่าเด็กกลุ่มแรกที่ได้ลองผิดลองถูก กดปุ่มนี้กดปุ่มนั้นด้วยตัวเอง สามารถเปิดฟังชันของของเล่นชิ้นนี้ได้หมดเลย ตรงกันข้าม เด็กที่ได้รับการชี้แนะอย่างละเอียด สามารถค้นพบแค่บางฟังชัน เล่นแต่ฟังชันที่ซ้ำ ๆ กัน และไม่ค่อยสนใจอยากรู้อยากเห็นสักเท่าไร

มนุษย์โดยเฉพาะในวัยเยาว์จึงต้องการ “พื้นที่” ที่จะทดลองด้วยตัวเองเสมอ อันที่จริงคำว่า ‘parenting’ ศ. Gopnik ซึ่งสอนที่ UC Berkeley บอกว่าเป็นคำสมัยใหม่ เพิ่งเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อ 20-30 ปีมานี้เอง เป็นช่วงที่ “พ่อแม่” ในยุคอุตสาหกรรมเริ่มทำตัวเหมือน “ช่างไม้” กำหนดแผนการที่ตายตัวในการบ่มเพาะเลี้ยงดู ต้องเข้าโรงเรียนนั้น ต้องเข้ามหาวิทยาลัยนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ “ปั้น” ลูกให้เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการ (ซึ่งส่วนใหญ่มันไม่เป็นอย่างนั้นนะสิ) สิ่งที่นักจิตวิทยาท่านนี้แนะนำคือต้อง “un-parenting” “เลิกทำตัวเป็นเจ้าของผู้ให้กำเนิด” (parent = ผู้ให้กำเนิด) ทำตัวเป็น “เพื่อน” กับลูก เตรียมสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เขา แต่ย่าไปคาดหวังกับผลลัพธ์มากนัก ปล่อยวางให้เขาได้เติบโตอย่างที่ต้องการระดับหนึ่ง เพราะมนุษย์ต่างจากสัตว์ ตรงที่มีนิสัยชอบทำอะไรที่สร้างสรรค์มากกว่าจำเจครับ

ถือว่าไม่ใช่ความรู้ใหม่ แต่แป็นความรู้ที่ได้รับการยืนยันจากผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว

“Raising and caring for children is more like tending a garden: it involves “a lot of exhausted digging and wallowing in manure” to create a safe, nurturing space in which innovation, adaptability and resilience can thrive.”

Review หนังสือ The Gardener and the Carpenter น่าอ่านมากครับ
https://www.theguardian.com/books/2016/aug/17/gardener-and-the-carpenter-by-alison-gopnik-review
https://www.nature.com/articles/536027a
https://n.pr/2BzKVQW




Pipob Udomittipong