วันเสาร์, ธันวาคม 23, 2560

'ลดภาษี' เพียงต้องการสร้างกระแสสุขใจในปีสองปีหน้า อเมริกา-ไทย เหมือนกัน

อ๊ะ สนช.ไทยนี่ไม่เบา ทันสมัยคล้ายคองเกรสอเมริกันในเรื่องลดภาษี เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีทรั้มพ์ลงนามกฎหมายภาษีอากรใหม่ที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเร่งผ่านออกมาให้ทันเทศกาลคริสตมาส

วันเดียวกันสภานิติบัญญัติแห่งชาติไทยสมัยรัฐประหารแถลงว่า กมธ.ได้ “ชงร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ เข้า สนช. ๒๔ ม.ค. ๖๑ แจก ของขวัญปีใหม่ ลดภาษี ๔๐%” ยกแผง ซึ่งถ้าผ่านการรับรองของ สนช. ก็จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

สำหรับรายละเอียดอัตราภาษี ของขวัญปีใหม่ จากสภายุค คสช. ครั้งนี้ นายพรชัย ธีระเวช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจการคลังในฐานะกรรมาธิการชี้แจงว่า เป็นอัตราผ่อนปรนใน ๒ ปีแรก เช่น ภาษีที่ดินเกษตรกรรมมูลค่าไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท เจ้าของไม่ต้องเสียภาษี ส่วนที่ดินมีสิ่งปลูกสร้างใช้อยู่อาศัย มูลค่าไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี เป็นต้น

หลังจากระยะผ่อนผันแล้วให้ปรับไปตามมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ กรรมาธิการวิสามัญ คนชงเรื่องนี้ชี้ว่า “รัฐจะมีรายได้จากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีแรก 3 หมื่นล้านบาท ปีต่อ ๆ ไปฐานภาษีจะขยับขึ้นตามมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นในแต่ละพื้นที่”

(ถ้าติดใจเรื่องรายละเอียดย่อยยิบลงไป กรุณาดูที่ https://www.prachachat.net/facebook-instant-article/news-91187)

ทว่าโดยรวมเป็นการลดภาษีให้แก่ผู้มีที่ดิน ซึ่งตีความต่อไปอีกได้ว่าเป็นผู้ พอมีอันจะกิน จะเห็นว่าอัตราสูงสุด สำหรับที่ดินเกษตรกรรม (มูลค่าเกิน ๑ พันล้าน) เก็บที่ ๐.๑๐ เปอร์เซ็นต์ เท่ากันกับกับที่อยู่อาศัยมูลค่ากว่า ๑๐๐ ล้านบาท

กฎหมายภาษีใหม่ของพรรครีพับลิกันในอเมริกา ก็มุ่งหมายให้ของขวัญคริสตมาสแก่นักธุรกิจและคนมั่งมี ตามความเชื่อในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ว่า ถ้าธุรกิจกิจการบรรษัทสามารถทำกำไรได้มากแล้ว จะส่งผลไปถึงรายได้คนงาน เพิ่มกำลังซื้อและสะท้อนย้อนกลับไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต

ดังนั้นกฎหมายภาษีใหม่สหรัฐจึงตัดอัตราภาษีสำหรับกิจการบรรษัทลงจากเดิม ๓๕ เปอร์เซ็นต์ ไปเป็น ๒๑ เปอร์เซ็นต์ และภาษีอสังหาริมทรัพย์ซึ่งปัจจุบันสูงสุดที่ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ (ถ้ามูลค่าเกิน ๕.๖ ล้านดอลลาร์) ให้คงไว้ถึงปี ค.ศ.๒๐๒๖
การผ่านกฎหมายภาษีครั้งนี้ถือเป็นผลงานเด่นชิ้นแรกของประธานาธิบดีทรั้มพ์ ที่ผู้อำนวยการสมัชชาเศรษฐกิจแห่งชาติ แกรี่ ดี โคห์น คุยว่าจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกันเติบโตถึง ๔ เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า และนายสตีเว็น มูชิน รัฐมนตรีคลังอ้างว่าจะเป็นการเติบโตมากยิ่งกว่าปริมาณขาดดุลที่เกิดจากการลดภาษีครั้งนี้ ๑.๕ พันล้านดอลลาร์เสียอีก

แต่ว่าโกลด์แมนแซ็ค บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่ที่ทั้งนายโคห์นและมูชินเคยเป็นลูกจ้าง กลับบอกว่าการลดภาษีครั้งนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง ๓ ใน ๑๐ ของ ๑ เปอร์เซ็นต์ ในสองปีข้างหน้า นั่นคือโตแค่ ๒.๕ ในปี ๒๐๑๘ และ ลดลงไปเป็น ๑.๘ ในปีต่อไป หลังจากนั้นตัวใครตัวมัน

กฎหมายภาษีปีแรกของทรั้มพ์จึงเป็นเพียงการกระตุ้นชั่วคราว ดังที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปวิเคราะห์กันไว้แล้ว ว่าจะก่อให้เกิดการตื่นเต้นฮือฮาสักปีสองปี แล้วจะกลับเข้าสู่สภาพเป็นจริง นั่นคือการแจกเงินคนรวยทำให้ขาดดุลมหาศาล ในระยะยาวยากที่จะฟื้นคืนได้

บทความในหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทมส์ โดยแพตทริเชีย โคเฮ็น บอกว่าเรื่องนี้ทรั้มพ์เองก็รู้ดี แต่ก็ยังหวังว่าจะพลิกความคาดหมายได้ แบบเดียวกับที่เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อย่างน้อยๆ ทำให้คนเกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวยช่วงคริสตมาสฮอลิเดย์มีเงินโบนัสพิเศษจับจ่าย


ศูนย์นโยบายภาษี อันเป็นองค์กรวิจัยเพื่อการกุศลประเมินว่าจะมีผู้เสียภาษีจำนวน ๓ ใน ๔ ที่ได้รับผลจากการลดภาษีครั้งนี้ในปีหน้า บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งประกาศให้โบนัสคนงานกันใหญ่ ดังเช่น เอทีแอนด์ทีบอกจะจ่ายโบนัสแก่พนักงานในสหรัฐ ๒ แสนคนคนละ ๑ พันเหรียญ ทันทีที่ทรั้มพ์ลงนามกฎหมาย

งานวิจัยของศูนย์นโยบายภาษี โดยวิลเลี่ยม จี เกล และแอนดรูว์ แซมวิค สรุปว่า การตัดอัตราภาษีที่ก่อให้เกิดการขาดดุลงบประมาณมากขึ้น “ในระยะยาวแล้วทำให้อัตราการออมของประเทศหดลงไป และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย”

ลักษณะกระตุ้นให้ดูดีปีสองปีแล้วเหี่ยวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในรัฐบาลพรรครีพับลิกันสองสมัย คือรัฐบาลเรแกนในปี ๑๙๘๑ และรัฐบาลจ๊อร์จ ดับเบิ้ลยู บุสช์ ในปี ๒๐๐๑ และ ๒๐๐๓ ทั้งสองครั้งมีการตัดภาษีทำให้ดูดีพักหนึ่งแล้วจะถอยกลับจากภาวะขาดดุลมากยิ่งขึ้น

มิเฮอร์ เดไซ ศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยธุรกิจ ฮาวาร์ด ฟันธงว่า “การเติบโตที่จะได้ไม่เท่ากับความเสียหายจากความไม่รับผิดชอบทางการคลัง”

รัฐบาลทรั้มพ์เพียงต้องการสร้างกระแสสุขใจในปีสองปีหน้า เพื่อผลทางการเมืองในความอยู่รอดของรัฐบาล โดยเฉพาะตัวประธานาธิบดีที่การสอบสวนเรื่องทีมหาเสียงปล่อยให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซงโจมตีผู้สมัครพรรคเดโมแครท กำลังงวดเข้าไปสู่คนใกล้ชิดยิ่งขึ้นทุกทีแล้ว

และพรรครีพับลิกันในคองเกรสก็พยายามหาทางรักษาสถานะเสียงข้างมากเอาไว้ต่อไปให้ได้ในการเลือกตั้งกลางเทอม ปีหน้า ๒๐๑๘ อะไรที่ทำให้ ดูดี ในปีนี้แม้จะใกล้สิ้นปี เอาไว้ก่อน

เป็นความพยายามแบบเดียวกับ คสช. และทีมงานลิ่วล้อ สร้างภาพสดสวยด้วยวาทกรรมต่างๆ นานาทุกวี่วัน ทั้งที่สภาพเป็นจริงตรงกันข้าม