อ๊ะ สนช.ไทยนี่ไม่เบา
ทันสมัยคล้ายคองเกรสอเมริกันในเรื่องลดภาษี
เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีทรั้มพ์ลงนามกฎหมายภาษีอากรใหม่ที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเร่งผ่านออกมาให้ทันเทศกาลคริสตมาส
วันเดียวกันสภานิติบัญญัติแห่งชาติไทยสมัยรัฐประหารแถลงว่า
กมธ.ได้ “ชงร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ เข้า สนช. ๒๔ ม.ค. ๖๑ แจก ‘ของขวัญปีใหม่’ ลดภาษี ๔๐%” ยกแผง
ซึ่งถ้าผ่านการรับรองของ สนช. ก็จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒
เป็นต้นไป
สำหรับรายละเอียดอัตราภาษี ‘ของขวัญปีใหม่’ จากสภายุค คสช. ครั้งนี้ นายพรชัย
ธีระเวช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจการคลังในฐานะกรรมาธิการชี้แจงว่า เป็นอัตราผ่อนปรนใน
๒ ปีแรก เช่น ภาษีที่ดินเกษตรกรรมมูลค่าไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท เจ้าของไม่ต้องเสียภาษี
ส่วนที่ดินมีสิ่งปลูกสร้างใช้อยู่อาศัย มูลค่าไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี
เป็นต้น
หลังจากระยะผ่อนผันแล้วให้ปรับไปตามมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ กรรมาธิการวิสามัญ คนชงเรื่องนี้ชี้ว่า “รัฐจะมีรายได้จากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีแรก
3 หมื่นล้านบาท ปีต่อ ๆ ไปฐานภาษีจะขยับขึ้นตามมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นในแต่ละพื้นที่”
(ถ้าติดใจเรื่องรายละเอียดย่อยยิบลงไป
กรุณาดูที่ https://www.prachachat.net/facebook-instant-article/news-91187)
ทว่าโดยรวมเป็นการลดภาษีให้แก่ผู้มีที่ดิน
ซึ่งตีความต่อไปอีกได้ว่าเป็นผู้ ‘พอมีอันจะกิน’ จะเห็นว่าอัตราสูงสุด สำหรับที่ดินเกษตรกรรม (มูลค่าเกิน ๑ พันล้าน) เก็บที่
๐.๑๐ เปอร์เซ็นต์ เท่ากันกับกับที่อยู่อาศัยมูลค่ากว่า ๑๐๐ ล้านบาท
กฎหมายภาษีใหม่ของพรรครีพับลิกันในอเมริกา
ก็มุ่งหมายให้ของขวัญคริสตมาสแก่นักธุรกิจและคนมั่งมี
ตามความเชื่อในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ว่า ถ้าธุรกิจกิจการบรรษัทสามารถทำกำไรได้มากแล้ว
จะส่งผลไปถึงรายได้คนงาน
เพิ่มกำลังซื้อและสะท้อนย้อนกลับไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต
ดังนั้นกฎหมายภาษีใหม่สหรัฐจึงตัดอัตราภาษีสำหรับกิจการบรรษัทลงจากเดิม
๓๕ เปอร์เซ็นต์ ไปเป็น ๒๑ เปอร์เซ็นต์
และภาษีอสังหาริมทรัพย์ซึ่งปัจจุบันสูงสุดที่ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ (ถ้ามูลค่าเกิน ๕.๖
ล้านดอลลาร์) ให้คงไว้ถึงปี ค.ศ.๒๐๒๖
การผ่านกฎหมายภาษีครั้งนี้ถือเป็นผลงานเด่นชิ้นแรกของประธานาธิบดีทรั้มพ์
ที่ผู้อำนวยการสมัชชาเศรษฐกิจแห่งชาติ แกรี่ ดี โคห์น
คุยว่าจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกันเติบโตถึง ๔ เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า และนายสตีเว็น
มูชิน รัฐมนตรีคลังอ้างว่าจะเป็นการเติบโตมากยิ่งกว่าปริมาณขาดดุลที่เกิดจากการลดภาษีครั้งนี้
๑.๕ พันล้านดอลลาร์เสียอีก
แต่ว่าโกลด์แมนแซ็ค
บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่ที่ทั้งนายโคห์นและมูชินเคยเป็นลูกจ้าง กลับบอกว่าการลดภาษีครั้งนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง
๓ ใน ๑๐ ของ ๑ เปอร์เซ็นต์ ในสองปีข้างหน้า นั่นคือโตแค่ ๒.๕ ในปี ๒๐๑๘ และ
ลดลงไปเป็น ๑.๘ ในปีต่อไป หลังจากนั้นตัวใครตัวมัน
กฎหมายภาษีปีแรกของทรั้มพ์จึงเป็นเพียงการกระตุ้นชั่วคราว
ดังที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปวิเคราะห์กันไว้แล้ว
ว่าจะก่อให้เกิดการตื่นเต้นฮือฮาสักปีสองปี แล้วจะกลับเข้าสู่สภาพเป็นจริง
นั่นคือการแจกเงินคนรวยทำให้ขาดดุลมหาศาล ในระยะยาวยากที่จะฟื้นคืนได้
บทความในหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทมส์
โดยแพตทริเชีย โคเฮ็น บอกว่าเรื่องนี้ทรั้มพ์เองก็รู้ดี
แต่ก็ยังหวังว่าจะพลิกความคาดหมายได้ แบบเดียวกับที่เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
อย่างน้อยๆ ทำให้คนเกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวยช่วงคริสตมาสฮอลิเดย์มีเงินโบนัสพิเศษจับจ่าย
ศูนย์นโยบายภาษี อันเป็นองค์กรวิจัยเพื่อการกุศลประเมินว่าจะมีผู้เสียภาษีจำนวน
๓ ใน ๔ ที่ได้รับผลจากการลดภาษีครั้งนี้ในปีหน้า บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งประกาศให้โบนัสคนงานกันใหญ่
ดังเช่น ‘เอทีแอนด์ที’บอกจะจ่ายโบนัสแก่พนักงานในสหรัฐ ๒ แสนคนคนละ ๑ พันเหรียญ ทันทีที่ทรั้มพ์ลงนามกฎหมาย
งานวิจัยของศูนย์นโยบายภาษี โดยวิลเลี่ยม
จี เกล และแอนดรูว์ แซมวิค สรุปว่า
การตัดอัตราภาษีที่ก่อให้เกิดการขาดดุลงบประมาณมากขึ้น “ในระยะยาวแล้วทำให้อัตราการออมของประเทศหดลงไป
และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย”
ลักษณะกระตุ้นให้ดูดีปีสองปีแล้วเหี่ยวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในรัฐบาลพรรครีพับลิกันสองสมัย
คือรัฐบาลเรแกนในปี ๑๙๘๑ และรัฐบาลจ๊อร์จ ดับเบิ้ลยู บุสช์ ในปี ๒๐๐๑ และ ๒๐๐๓
ทั้งสองครั้งมีการตัดภาษีทำให้ดูดีพักหนึ่งแล้วจะถอยกลับจากภาวะขาดดุลมากยิ่งขึ้น
มิเฮอร์ เดไซ ศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยธุรกิจ
ฮาวาร์ด ฟันธงว่า “การเติบโตที่จะได้ไม่เท่ากับความเสียหายจากความไม่รับผิดชอบทางการคลัง”
รัฐบาลทรั้มพ์เพียงต้องการสร้างกระแสสุขใจในปีสองปีหน้า
เพื่อผลทางการเมืองในความอยู่รอดของรัฐบาล โดยเฉพาะตัวประธานาธิบดีที่การสอบสวนเรื่องทีมหาเสียงปล่อยให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซงโจมตีผู้สมัครพรรคเดโมแครท
กำลังงวดเข้าไปสู่คนใกล้ชิดยิ่งขึ้นทุกทีแล้ว
และพรรครีพับลิกันในคองเกรสก็พยายามหาทางรักษาสถานะเสียงข้างมากเอาไว้ต่อไปให้ได้ในการเลือกตั้งกลางเทอม
ปีหน้า ๒๐๑๘ อะไรที่ทำให้ ‘ดูดี’ ในปีนี้แม้จะใกล้สิ้นปี เอาไว้ก่อน
เป็นความพยายามแบบเดียวกับ คสช.
และทีมงานลิ่วล้อ สร้างภาพสดสวยด้วยวาทกรรมต่างๆ นานาทุกวี่วัน
ทั้งที่สภาพเป็นจริงตรงกันข้าม