‘สมัยนิยม’ ฤ
งัย ปชป. เพิ่ง ‘กัด’ คสช. ไปหมาดๆ
นี่ปู่มีชัย ‘ขบ’ สนช. เข้าให้บ้าง
“เข้าใจ คนทำงานก็อยากมีอำนาจ
แต่อำนาจพอมีนานๆ มันเป็นดาบสองคมซึ่งอันตราย อย่ามีมากนักเลย
กมธ.ที่โหวตบางทีคงไม่เข้าใจ คิดว่าสนุกดีมีอำนาจ คิดอยู่กันชั่วฟ้าดินสลาย
แต่สุดท้ายผลร้ายมันจะเกิดกับ สนช.เอง”
นั่นเป็นคำของนายมีชัย ฤชุพันธุ์
ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ วิจารณ์กรรมาธิการนิติบัญญัติ ที่ผ่านร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งให้อำนาจ ปปช.
“สืบค้นข้อมูลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ข้าราชการและประชาชน ผ่านช่องทางโทรศัพท์ โทรสาร โทรศัพท์เคลื่อนที่
และอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด” ได้
ปู่โสมเฝ้ารัฐธรรมนูญไทยบอก “กลุ้มใจ” และ “เตรียมการคัดค้าน
เพราะกังวลว่ารายละเอียดที่บัญญัติใหม่
หากไม่มีกลไกที่ดีพออาจเป็นประเด็นที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐
ว่าด้วยสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิของประชาชนได้”
เมื่อวานนี้ (๑๙ ธันวา)
วันที่อากาศหนาววววว มากทั่วไทย ตั้งแต่ กทม. ๑๗°C ไปสุดที่เลย
๗°C ระหว่างนั้น น่าน ๘°C กาญจน์ ๑๕°C จันทบุรี ๑๖°C โคราช ๑๔°C หนองคาย
๑๑°C หัวหิน ๑๗°C และชุมพร ๑๘°C แต่ทว่าในกรุงกลับรุ่มๆ รุมๆ
เพราะมีถ้อยแถลงจากกรรมาธิการวิสามัญ สนช. ‘เคาะ’ ร่างกฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการปราบทุจริต
หรือที่เรียกกันตามตัวย่อว่า ปปช. ให้ดักฟังข้อมูลจากสื่อทุกประเภทได้ “ภายใน ๙๐
วัน ในชั้นไต่สวนคดี”
ทั้งนี้อ้างความสมเหตุสมผลตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
“เปิดช่องให้พนักงานสอบสวนสามารถดักฟังข้อมูลได้อยู่แล้ว เมื่อ
ปปช.เทียบเท่าพนักงานสอบสวน...ก็สามารถใช้ ป.วิอาญา ได้”
นายวิชา มหาคุณ หนึ่งในกรรมาธิการฯ
เป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อ รวมถึงเรื่อง กมธ. ต่ออายุคณะกรรรมการ
ปปช.ชุดปัจจุบันให้อยู่ไปจนครบ ๙ ปี ตามวาระที่ระบุไว้ในกฎหมายใหม่ด้วย
โดยคุยถึงสรรพคุณว่า
ปปช.ชุดนี้ทำงานเข้าฝัก ทำงานดี มีประสิทธิภาพ เข้าสเป็กตามร่างกฎหมายใหม่ “มีคุณสมบัติพิเศษที่กลั่นกรองแล้ว”
และมีอำนาจจัดการอย่างเข้มข้นกับบุคคลที่ใช้อำนาจรัฐ
แต่ก็ยอมรับว่า “ชุดปัจจุบัน (ยัง) ทำงานไม่ทันใจประชาชน
เกี่ยวกับการเร่งรัดคดี” ส่วนเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า “มีความสนิทสนมกับผู้มีอำนาจ”
เป็นพิเศษนั้น เจ้าตัว (พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ) “ก็ยอมรับอยู่แล้วว่า
ต้นทุนต่ำ ใครก็มองด้วยความหวาดระแวง”
นายวิชา (น่าจะคนเดียวกับที่ปู่มีชัยกระทบไว้ว่า
“สนุกดีมีอำนาจ”) ใช้วาทกรรมสำเร็จรูปทันที “แต่ขอให้ดูที่ผลงาน”
ทว่าผลงานขณะนี้เรื่องที่ฮือฮามาเป็นอาทิตย์
ว่าพี่ใหญ่ คสช. ไม่แจ้ง ปปช. เป็นเจ้าของครอบครองแหวนเพชรฟู่ฟ่า นาฬิกาหรูหรา มูลค่าเป็นสิบล้าน
แล้วนี่โผล่มาอีกเป็นเรือนที่สี่ราคาเกือบสองล้าน ป่านนี้ยังไม่มีคำชี้แจงลายลักษณ์อักษรไปถึง
ปปช.
อดีต ปปช. เก๋ากึ้กอย่างนายวิชา กลับรีบแก้ตัวแทนให้ทันใดว่า
“พล.อ.ประวิตรท่านอาจจะหลงลืมก็ได้ ซึ่งก็ถือว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้จงใจปกปิด”
คนที่จงใจ ‘ปกปิด’
เห็นจะเป็น ปปช. เองนั่นแหละ ไม่เชื่อไปดูที่นายวีระ สมความคิด เขาแจงเอาไว้
นายวีระเล่าถึงการร้องเรียน ปปช.ไว้สองเรื่องเกี่ยวกับปลัดฯ
กลาโหม (พอดีชื่อ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา) บรรจุลูกชายเข้าเป็นนายทหารกิจการพลเรือน
กับเรื่องเจ้าหน้าที่กลาโหมปฏิบัติมิชอบในโครงการราชภักดิ์ ก่อสร้างอนุสาวรีย์บุรพกษัตริย์ที่หัวหิน
ปปช. มีมติไม่ฟังรับเรื่องทั้งสอง
นายวีระจึงร้องขอดู เอกสารการตรวจสอบของ ปปช.เอง ๓ รายการ ก็ถูก
ปปช.ปฏิเสธไม่ยอมให้เอกสาร นายวีระจึงร้องต่อไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล
คราวนี้ปรากฏว่ามีคำสั่งจากคณะกรรมการวินิจฉัย ให้ ปปช.ปฏิบัติตาม และส่งมอบเอกสารแก่ผู้ร้องขอ
ครั้นเมื่อนายวีระเดินทางไปยัง ปปช.เพื่อรับเอกสาร
(เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวา) “ปรากฎว่าทางสำนักงาน
ป.ป.ช. ได้ส่งนายวณิชย์ ผู้อำนวยการสำนักบริการฯ มาแจ้งกับผมว่ายังให้เอกสารทั้งหมดไม่ได้
ต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียก่อน...
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เชื่อได้ว่าการทำงานของ
ป.ป.ช. ขาดหลักธรรมาภิบาล ไม่มีความโปร่งใส และไม่ยอมรับการถูกตรวจสอบจากภาคประชาสังคม
ป.ป.ช.
สามารถตรวจสอบคนอื่นได้หมด แต่กลับดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย และคำสั่งที่ชอบด้วยกฏหมาย
เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดเสียเอง”
นี่ละ คณะกรรมการปราบทุจริตที่นายวิชายกยอเสียจนหางชี้ว่า
“มีคุณสมบัติพิเศษที่กลั่นกรองแล้ว” แต่คนกันเองอย่างประธาน กรธ. มือวางร่างรัฐธรรมนูญให้
คสช. อย่างนายมีชัยเตือนว่า “อย่ามีมากนักเลย” อำนาจที่เหลิงน่ะ
ขณะเดียวกันอดีตนักปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอย่างนายวีระกลับตั้งข้อสังเกตุว่า
“ดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาญ” แล้วอย่างนี้จะมีดีอะไรเหลือบ้าง
