![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh9HSSjWAzen0ZjzJADDwnrWnLzXiai7hYXraewbQbCZxIDHlx9PW-AE7ixTycTrseUKLIrtrwGLEuccPOC1rZGbbyifWFYNBGZKywgqiyvy6_J3V_1ud6UPvjcR6ulX4ac3p7qpg/s400/16864766_1244925288890422_535047460871320031_n.png)
เห็นบางคนว่าเป็นวาทกรรมลวงโลก ใน ‘speech’ ปาฐกถาของวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.ต่างประเทศของไทยในที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ที่กรุงเจนีวา เมื่อวานซืน (๒๗ ก.พ.)
นายวีระศักดิ์จ้อยาวตามหลักวิชาการทูต พูดถึงค่านิยม ทัศนคติ สิทธิมนุษยชน ประชาสังคม ศักยภาพ พันธกรณี บลา บลา บลา อ้อ แล้วไม่ลืมเศรษฐกิจพอเพียงด้วย
ล้วนแต่คตินิยมอุดมการณ์สำหรับรัฐชาติที่พัฒนาและอารยะ ทั้งนั้น
(ดูข่าวมติชน http://www.matichon.co.th/news/479103 สำหรับรายละเอียด)
แต่ว่าที่เจนีวาเหมือนกัน วันเดียวกัน “ผู้แทนองค์กรพุทธยุโรปรวมถึงผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกายกว่า 150 คน เข้ายื่นหนังสือถึง ฯพณฯ เซียด รา แอด ออล ฮุสเซน (His Excellency Zeid Ra'ad Al Hussein) ประธานองค์กรสิทธิมนุษยชน ประจำสหประชาชาติ เพื่อรับทราบเจตจำนงของชาวพุทธยุโรปในการหยุดยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทยที่มีอันตรายต่อพระพุทธศาสนาดังเช่นกรณีการใช้ ม.๔๔ ต่อวัดพระธรรมกาย”
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXN9JEsInVZqNr74XmU01q2YuEvHTexUy_Dj2Ys7H3lskcb9CtXjWWytFB2KmG-8iy2rZEqGOgVr6VRx5cPwzqUztYMkqGKyM8NOSQvEfcmIYrYsjyInqSro6OYe6r47dcTt7a6w/s400/16999215_1244925402223744_1372678346787730967_n.jpg)
ที่เจนีวาอีกเช่นกันเมื่อวานนี้ (๒๘ ก.พ.) นางราวีน่า แชมดาสนี โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ แถลงแสดงความผิดหวังที่สภานิติบัญญัติไทย “เก็บขึ้นหิ้ง” ร่างกฎหมายต่อต้านการทรมานและทำให้บุคคลสูญหาย
“เราเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเสนอร่างกฎหมายใหม่อีก เพื่อให้การกระทำที่เลวร้ายควรแก่การประณามดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นความผิดทางอาญา”
โฆษกสำนักข้าหลวงใหญ่ฯ กล่าวด้วยว่า “การไม่ต้องรับผิดต่อคดีข่มเหงทรมานและการทำให้หายสาบสูญอย่างหักหาญและบังคับขู่เข็ญ เป็นมานานนมเกินไปแล้ว เพราะไม่มีโครงร่างกฎหมายสำหรับเรื่องนี้” ในประเทศไทย
นางราวีน่าระบุด้วยว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ คณะทำงานของสหประชาชาติพบว่ามีบุคคลหายสาบสูญในประเทศไทยแล้ว ๘๒ ราย รวมถึงการสูญหายของทนายสมชาย นีละไพจิตร ในปี ๒๕๔๗ และนักกิจกรรมสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง โฟลาชี ‘บิลลี่’ รักจงเจริญ ในปี ๒๕๕๗ นี่เอง
(http://www.ohchr.org/EN/NewsEvents/Pages/Media.aspx)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQKCbyhK0F74FgV0tMTK37wcsoggRM0fRfZztA4mBMI8Ap9mJPiqhzlno8ZYjFPI4MXLkxCYe7ZXDArAnILfnVLD50442Dk_JnDVS9nACFwwerY8yqZmkYGZTMoXl1K6wwrHxkQQ/s400/17021635_1244925618890389_8477888274949273968_n.jpg)
ประเด็นสำคัญในการแถลง ‘แจ้งข่าว’ หรือ briefing ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนครั้งนี้อยู่ที่ บอกว่าจะมีการตรวจสอบรายงานสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยครั้งใหม่ในวันที่ ๑๓ และ ๑๔ มีนาคม ที่จะถึงนี้
ซึ่ง “จะมีการไล่เบี้ยเรื่องการปฏิบัติตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมหาชนและสิทธิทางการเมืองของรัฐไทยอย่างละเอียด”
ฉะนี้ เป็นที่คาดหวังว่า น่าจะมีการยกกรณีศาลจังหวัดขอนแก่นปฏิเสธที่จะให้ประกันเพื่อปล่อยตัวชั่วคราว ‘ไผ่ ดาวดิน’ อีกเป็นครั้งที่ ๗ วันนี้ขึ้นมาตรวจสอบด้วย
เนื่องจากการประพฤติของศาลในการสั่งขังนายจตุภัทร์ บุญภัทร์รักษา มาเป็นเวลากว่า ๖๐ วัน ทั้งที่ยังไม่มีการไต่สวนพิจารณาคดีแต่อย่างใด บ่อยครั้งเมื่อศาลฟังคำร้องขอยกเลิกการถอนประกัน ก็สั่งให้พิจารณาลับ
และในการสั่งให้ขังต่อครั้งที่แล้วศาลใช้เวลาเพียง ๒๐ นาฑี ทั้งที่ฝ่ายจำเลยยื่นเอกสารและพยานบุคคล (รวมทั้ง ส.ศิวรักษ์) มากมาย แสดงว่าศาลไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานเหล่านั้นเลย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgk4jBQQWpBd1xABPbdpXy6hY9KtqRr4_kYA8PogxD2tRIpsNxkTsYwMbC-8JbaO42EiA_PNnXyqhuHRPskj658NO2yRfj8nWX_NuA4JR8hW6poBajQk4ztYq1LleFI1ZVJ_Hf6OQ/s400/16999251_1244925468890404_2518602052778030251_n.jpg)
ข้อกังขาต่อความเหมาะสมของกระบวนยุติธรรมไทยในคดีไผ่ ดาวดินนี้จึงเกิดขึ้นว่า ข้ออ้างที่ว่า “พฤติกรรมแสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์เป็นเชิงสัญญลักษณ์เย้นหยันอำนาจรัฐ” ตามความเห็นของศาล
ไม่ให้ประกันครั้งแล้วครั้งเล่านั่น ควรแก่เหตุแล้วไหมในสายตาของชาวโลก