เมื่อสังคมไทย"ป่วย"หลักความเป็น"กลาง"ของสื่อมวลชนอาจจะต้องทบทวน..?
เชื่อเถอะ...ปัญหาของเมืองไทย เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง คุยเรื่อง ปัญหาการเมืองในวงการคณะสงฆ์ไทย พร้อมกับข้อเสนอที่จะให้ คณะสงฆ์เป็นอิสระออกจากอำนาจรัฐ กับ อาจารย์สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านศาสนาและปรัชญา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (ดูคลิป)
และวันนี้ก็มาทำเรื่องนี้อีก ประเด็นเดียวกัน คำถามเดียวกัน คำตอบเดียวกัน เหมือนกันราวกับว่า หยั่งรู้อนาคตได้ (แต่ไม่มีอนาคต )
ชีวิตการเป็นสื่อมวลชน หรือนักข่าวของหลายต่อหลายคนในเมืองไทย คงเป็นเหมือนกัน ทำงานกันเหมือนพายเรือในอ่าง สามารถกำหนดปฎิทินล่วงหน้าเป็นปีๆ ได้ กำหนดสคริปต์ กำหนดประเด็นข่าวล่วงหน้าได้เลย แม้กระทั่งเอาคำถามเก่า ๆ ที่เคยถามแหล่งข่าวเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว บางทีแหล่งข่าวคนนั้นตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ยังมาใช้ถามกับแหล่งข่าวคนใหม่ในอีก 10 หรือ 15 ปีต่อมาได้อีก และที่น่าแปลกใจ(แต่ก็ไม่แปลกใจ)คือ คำตอบก็ยังคงเหมือนเดิม
จึงถามตัวเองอย่างมากในเวลาต่อมาว่า เอ๊ะอย่างนี้แล้ว อนาคตของบ้านเมืองอยู่ตรงไหน เราทุ่มเททำงานหนักไปเพื่ออะไร ไม่มีเวลาพักร้อน ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีโบนัส 7 เดือน 10 เดือนเหมือนอาชีพอื่น เพื่ออะไร เมื่อไม่เห็นอนาคตทั้งของตัวเองและประเทศชาติเลย
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ เพื่อค้นหาคำตอบได้อย่างอิสระ ไม่มีพลังอำนาจใดคอยกดทับ ห้ามปราบที่จะค้นหา หรือข่มขู่เหยียบย่ำ ไม่ให้คิด ไม่ให้พูด ไม่ให้ถาม
คำตอบที่ได้ ก็เหมือนอย่างที่หลายคนรับรู้กันอยู่แล้วในเวลานี้ ( สว่างช้า เพราะติดอยู่กับความเชื่อและหลักคิดที่ว่า สื่อมวลชน ต้องเป็นกลาง และอคติกับบางกลุ่มบางคน )นั่นก็คือ กลุ่มอำนาจพิเศษ
(ข้าราชการ ราชวงศ์ ธุรกิจ นักการเมือง) ที่อยู่เหนืออำนาจประชาชน รวมพลังกันอย่างเหนียวแน่นและเผยแผ่อิทธิพลเข้าไปควบคุม แทรกซึม อยู่ในทุกองคาพยพของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน สื่อมวลชน ทุกแขนง
หลายปัญหาของสังคมไทยที่สะสม หมักหมมมานาน จึงไม่อาจจะแก้ไขได้เพราะไปท้าทายอำนาจของกลุ่มพลังพิเศษดังกล่าว
แต่ด้วยกฎแห่งธรรมชาติ"สรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้" เมื่อความอ่อนแอของกลุ่มอำนาจพิเศษ มาเยือน จึงลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความอยู่รอด แต่วิธีการต่อสู้กลับอยู่บนพื้นฐานความเชื่อ ความคิดเดิม ๆ เพราะไม่เคยพัฒนาตัวเอง หรือปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกและสังคมไทย
วิธีการต่อสู้จึงล้าหลัง ป่าเถื่อน ขัดแย้งกับโลกยุคใหม่ กลายเป็นคนป่วยเข้าใกล้ความเป็นคนวิกลจริตในหมู่ประชาคมโลก
การใช้อำนาจเพื่อปกป้องผลประโยชน์และอำนาจของตัวเอง จึงเป็นไปอย่างฉ้อฉลและอยุติธรรม ทำลายหลักการ และกติกาสากลที่ได้เคยรับปากไว้กับชาวโลกอย่างหน้าด้าน ๆ
ทุกองคาพยพในโครงสร้างอำนาจของสังคมไทย จึงถูกทำลายลงด้วยกลุ่มเผด็จการอำนาจพิเศษ ดังกล่าว
คงไม่มีใครปฎิเสธ(ยกเว้นคนไทยจำนวนไม่น้อย)ว่า ประเทศไทย กำลังป่วย หนัก และกำลังล่มสลายในกฎกติกา และหลักการอันถูกต้องชอบธรรมที่ควรจะเป็น ทั้งในทางการเมืองการปกครองและความคิดความเชื่อในสังคมแห่งอุดมคติ
ในภาวะความผิดปกติของสังคมไทย "สื่อมวลชน" จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกลับมาทบทวนการทำหน้าที่ของตัวเองว่า จะเป็นไปเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดไปวันๆ หรือจะเป็นไปด้วยเป้าหมายในการสร้างบ้านสร้างเมืองให้มั่นคงแข็งแรงสำหรับลูกหลานไทยในอนาคต
การจะธำรงรักษาไว้ซึ่ง"ความเป็นกลาง-เป็นธรรม-ไม่เลือกข้าง"ในหลักการเดิมที่เคยใช้ในภาวะสังคมไทยที่เป็นปกตินั้น คงต้องกลับมาคิดกันให้หนัก
เพราะเมื่อความไม่เป็นกลาง ไม่เป็นธรรม ปกคลุมไปทั่วในสังคมการเมืองแบบเผด็จการของไทย การอ้างความเป็นกลาง เป็นธรรม ไม่เลือกข้างของสื่อมวลชน(กระแสหลัก) จึงไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับยิ่งซ้ำเติมให้ประชาชนสิ้นหวัง หมดที่พึ่งเพิ่มขึ้นอีก (อันนี้ยังไม่พูดถึง ความเป็นกลางที่แท้จริงในสื่อมวลชนนั้นมีจริงหรือไม่ )
หากสำนึกของสื่อมวลชนไทย(กระแสหลัก)ต้องการทำหน้าที่เพื่อช่วยรักษาเยียวยาประเทศไทย ที่เหมือนคนป่วยระยะสุดท้าย คงถึงเวลาที่จะต้องเลือกแล้วนะครับว่า จะยืนข้างไหน
ข้างที่จะหนุนเสริม เติมพลังให้กับหลักการ"เผด็จการ"หรือ
ข้างที่จะหนุนเสริม เติมพลังให้กับหลักการ"ประชาธิปไตย"
คำตอบอยู่ในใจของพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ทุกคนครับ
จอม เพชรประดับ
อดีตสื่อมวลชนไทย ลี้ภัยต่างประเทศ
2 มีนาคม 2560
ooo
ปิดปากสื่อ! "ใบตองแห้ง"ถูกห้ามจัดรายการ Wake Up News ทาง @Voice_TV 10 วันเพราะวิจารณ์การใช้ #มาตรา44 กรณี #วัดธรรมกาย pic.twitter.com/bzMlyEtrlV— Sunai (@sunaibkk) March 4, 2017