วันศุกร์, สิงหาคม 07, 2558

ไทยคงจะอยู่ Tier สูงสุด ร่วมกับ เกาหลีเหนือ ฯลฯ ในแง่ประเทศที่มีบทลงโทษต่อผู้ดูหมิ่นประมุขของประเทศอย่างรุนแรง




ที่มา FB Ilaw

พงษ์ศักดิ์ หรือ “แซม” เป็นหนุ่มเมืองกาญจน์ วัย 48 ปี มีบุคลิกสนุกสนาน ช่างพูดช่างคุยกับทุกคนที่มาเยี่ยมและบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคดีของเขาเป็นอย่างดี
.
“แซม” ถูกจับกุมตัวตามมาตรา 112 ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2557 ที่สถานีขนส่งจังหวัดพิษณุโลก โดยการล่อลวงผ่านสายของเจ้าหน้าที่ทางเฟซบุ๊ก เจ้าตัวเล่าว่า มีเพื่อนในเฟซบุ๊กคนหนึ่งซึ่งตนเองก็ไม่เคยตัวจริงมาก่อน เข้ามาพูดคุยและนัดเจอผ่านแชทในเฟซบุ๊ก ด้วยความที่ตนเองเป็นคนเฟรนด์ลี่จึงไปตามนัด ไม่ได้สงสัยอะไร แต่สุดท้ายก็โดนจับกุมในที่สุด
.
เวลา “แซม” ถูกนำตัวมาที่ศาลทหาร เขามักจะทักทายผู้คนที่มาเยี่ยมเขาด้วยอัธยาศัยไมตรี เขาเป็นคนบุคลิกเปิดกว้าง ยิ้มแย้มแจ่มใส แซมมักจะบอกทุกคนว่าสบายดีเสมอๆ โดยไม่เคยทำให้คนที่มาเยี่ยมรู้สึกเป็นห่วงกังวลหรือต้องทุกข์ใจกับคดีของเขา

“พี่อยู่ในคุกพี่สบายดี ว่างๆ พี่ก็เดินแฟชั่นโชว์ หรือไม่ก็สอนภาษาอังกฤษ” เขามักพูดประโยคเหล่านี้เมื่อถูกถามว่าสบายดีไหม
.
“แซม” เป็นคนที่มีความสามารถภาษาอังกฤษ หากใครพูดสนทนาโต้ตอบกับเขาด้วยภาษาอังกฤษได้ เขาจะยิ่งชอบพูดคุยด้วย เขาเล่าว่า เขาเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง โดยเริ่มจากการพูดก่อน เพราะตนเองเป็นคนชอบพูดคุยอยู่แล้ว และเนื่องจากทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต้องพบเจอชาวต่างชาติอยู่แล้ว จึงง่ายมากที่จะพัฒนาทักษะด้านภาษา นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว “แซม” ยังสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วย
.
นับตั้งแต่ถูกฝากขังผลัดแรกในวันที่ 7 มกราคม 2558 จนถึงวันนี้ 7 สิงหาคม 2558 เป็นเวลา 7 เดือนแล้วที่ “แซม” อยู่ในคุก เมื่อถามว่ามีอะไรอยากบอกกับสังคมไทยหรือไม่?

แซมตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “พี่ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กมา 7 เดือนแล้ว พี่จะลงแดงแล้ว จะถือว่าเวลาที่อยู่ในคุกพี่จะใช้เพื่อเลิกเฟซบุ๊กแล้วกัน”

“พี่หวังว่า การติดคุก 30 ปีของพี่ จะสร้างผลกระทบอะไรกับสังคมได้บ้าง”
.
“I’m alright.”

พงษ์ศักดิ์ หรือ “แซม” จำเลยคดี 112 พูดกับคนที่มาให้กำลังใจเขา หลังศาลมีคำพิพากษาคดีให้ลงโทษจำคุก 60 ปี จากการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "Sam parr" 6 ข้อความ อันเป็นความผิด 6 กรรม ศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลยกรรมละ 10 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 30 ปี
.
ดูรายละเอียดคดีของ "แซม" ที่ http://freedom.ilaw.or.th/case/650
รู้จัก "แซม" ให้มากขึ้นที่ http://prachatai.org/journal/2015/08/60727
.
โทษจำคุก 60 ปี ของพงษ์ศักดิ์ ถือเป็นสถิติใหม่สำหรับคดีมาตรา 112 คดีที่ศาลพิพากษาโทษหนักรองลงมา คือ คดีของศศิวิมลซึ่งตัดสินในวันเดียวกันให้จำคุก 56 ปี จำเลยรับสารภาพลดเหลือ 28 ปี http://freedom.ilaw.or.th/case/681 ก่อนหน้านี้ คดีที่ศาลเคยพิพากษาลงโทษหนักที่สุด คือ คดีของเธียรสุธรรม ซึ่งศาลทหารพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 50 ปี แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษเหลือ 25 ปี >>http://freedom.ilaw.or.th/case/649

หลังจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มีคนถูกตั้งข้อหามาตรา 112 แล้วอย่างน้อย 51 คน ซึ่งถูกศาลพิพากษาไปแล้ว 24 คน หลังคสช. ออกประกาศให้คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลทหาร จนถึงปัจจุบันจำเลยคดี 112 ที่เป็นพลเรือนถูกพิจารณาคดีที่ศาลทหารอย่างน้อย 36 คน http://freedom.ilaw.or.th/politically-charged ในจำนวนนี้ศาลทหารให้ประกันตัว 3 คน มี 11 คนที่ศาลทหารลงโทษจำคุก 10 ปีต่อการกระทำหนึ่งกรรม

‪#‎ทุกอย่างดูซอฟท์เมื่อเป็นพาสเทล‬
ooo


7 สิงหาคม 2558 ศาลทหารเชียงใหม่ นัดสืบพยานปากแรกคดี 112 ของศศิวิมล แต่เเล้วศศิวิมลยื่นขอกลับคำให้การ เป็นรับสารภาพตามที่โจทก์ฟ้อง 7 กรรม

ศาลจึงอ่านคำพิพากษาในทันที โดยพิพากษาจำคุกกรรมละ 8 ปี รวมเป็น 56 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 28 ปี

ศศิวิมลอายุ 29 ปี เป็นชาวเชียงใหม่ มีอาชีพเป็นพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ มีบุตรสาว 2 คน อายุ 5 และ7 ปี เมื่อ ศศิวิมล ถูกคุมขังหว่างพิจารณาคดี มารดาของเธอเป็นผู้ดูแลลูกสาวทั้ง 2

ศศิวิมลถูกกล่าวหาว่าใช้เฟซบุ๊กชื่อ “รุ่งนภา คำภิชัย” โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ รวม 7 ข้อความ

คดีเริ่มจาก ปลายกันยายน 2557 ประชาชนในเชียงใหม่ อีก 8 คน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “รุ่งนภา คำภิชัย” ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่

ในเวลาต่อมาพนักงานควบคุมตัวรุ่งนภามาทำการสอบสวน แต่จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่พบว่ารุ่งนภาน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงขยายผลและพบว่า เป็นไปได้ที่รุ่งนภาอาจถูกกลั่นแกล้งโดย ศศิวิมลซึ่งมีความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวอยู่

13 กุมภาพันธ์ 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกตัวศศิวิมลไปที่สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยแจ้งว่า ให้มาเซ็นหมายศาล แต่เมื่อไปถึงปรากฎว่า ถูกนำตัวไปที่ศาลมณฑลทหารบากที่ 33 ค่ายกาวิละ เพื่อขออำนาจฝากขัง ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ รวม 7 กรรรม และถูกส่งตัวไปที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ทันที

1 พฤษภาคม 2558 เจ้าหน้าที่จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าเยี่ยมศศิวิมล และสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่

ศศิวิมลเล่าว่า ที่ตนถูกจับนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า “รุ่งนภา คำภิชัย” เนื่องจากบุคคลชื่อรุ่งนภา เป็น “ภรรยาน้อยของแฟนเก่า” และมีปัญหากัน เพื่อนของตนเป็นผู้ปลอมเฟซบุ๊ก ชื่อ “รุ่งนภา คำภิชัย” ขึ้นมาเพื่อโจมตีบุคคลดังกล่าว และใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนสมัครเฟซบุ๊กปลอม
แต่ไม่ทราบว่าเพื่อนโพสต์ข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และตนไม่ได้เป็นผู้โพสต์ ในชั้นสอบสวน ที่ตนให้การรับสารภาพ ว่าเป็นผู้โพสต์ เป็น เพราะถูกกดดันและเจ้าหน้าที่หว่านล้อมว่าจะปล่อยตัว

ในส่วนของคดี บิดามารดาของศศิวิมล ว่าจ้างทนายความจากสำนักทนายความที่มีเพื่อนแนะนำให้ ในส่วนของการขอปล่อยตัวชั่วคราว ใช้ประกันอิสระภาพมูลค่า 400,000 บาทจากบริษัทประกัน ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวรวม 3 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต

ก่อนที่จะครบฝากขัง 7 ผลัด ในต้นเดือนพฤษภาคม 2558

จากนั้น ศาลทหารเชียงใหม่ นัดสอบคำให้การวันที่ 9 มิถุนายน 2558 โดยอ่านคำฟ้องให้ศศิวิมลฟังศศิวิมลถูกฟ้องในมาตรา 112 รวม 7 กรรม และให้การปฏิเสธ

8 กรกฎาคม 2558 นัดตรวจพยานหลักฐาน ฝ่ายศศิวิมลไม่มีพยานเอกสาร ศาลจึงให้งดตรวจพยานหลักฐานในนัดนี้ เพราะอ้างว่าตรวจพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ทนายยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีในกฎหมายแต่อย่างใด จึงไม่ได้มีการงดตรวจพยานหลักฐาน จากนั้นศาลได้สอบถามแนวทางการนำสืบของฝ่ายโจทก์และจำเลย
อัยการโจทก์แถลงจะนำพยานโจทก์ปากที่ 1 ตามบัญชี มาเบิกความในนัดหน้า จึงนัดหมายวันสืบพยานนัดแรก วันที่ 7 สิงหาคม 2558 .

ก่อนที่ วันนี้ ( 7 สค.58 ) ศศิวิมล จะยื่นขอกลับคำให้การในนัดสืบพยานโจทก์ เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ 7 กรรม ศาลทหารเชียงใหม่ จึงอ่านคำพิพากษาทันที ใหจำคุกกรรมละ 8 ปี รวมเป็น 56 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 28 ปี

"ส่วนคำร้องที่ศศิวิมลขอให้ศาลลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษ ศาลเห็นว่าความผิดของศศิวิมลเป็นความผิดร้ายแรง และศาลได้ลงโทษจำเลยในสถานเบาอยู่แล้ว จึงให้ยกคำร้องนี้"

ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแจ้งว่า ภายหลังทราบคำพิพากษา ศศิวิมลได้ร้องไห้โฮออกมาในบริเวณศาล ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของครอบครัว โดยลูกสาวทั้งสองคนได้เดินทางมาที่ศาลในวันนี้ด้วย

โดยศศิวิมล เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ มีโทษจำคุก ถึง 56 ปี รองจากพงษ์ศักดิ์ (http://freedom.ilaw.or.th/case/650) ที่ศาลทหารกรุงเทพตัดสินในวันเดียวกัน ให้ลงโทษจำคุกถึง 60 ปี ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของโทษคดีนี้

โดยก่อนหน้านี้เมื่อปลายมีนาคม 2557 สถิติโทษสูงสุดคือเธียรสุธรรม หรือใหญ่ แดงเดือด ถูกพิพากษาจำคุก 50 ปี จากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 5 ข้อความ (http://freedom.ilaw.or.th/case/649)

ทั้งนี้ อ่านคดีศศิวิมลทั้งหมดได้ที่ --->http://freedom.ilaw.or.th/case/681