ที่มา ที่นี่และที่นั่น
April 30, 2015
สถานการณ์เศรษฐกิจไทย ในยุค รัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า ประเทศไทย ไม่เพียงแค่ “ส่งออกไม่ได้” ตามเป้าหมาย ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมายอมรับ พร้อมกับได้มีการ “ปรับลดเป้าส่งออก” จาก 4% เหลือ 1% เท่านั้น แต่ดูเหมือน “ต่างชาติรายใหญ่” ไม่ว่าจะเป็น ประเทศในแถบยุโรป-สหรัฐอเมริกา รวมไปถึง ญี่ปุ่น และอาเซียนอีกจำนวนมาก ก็แทบจะ “ไม่สนใจ” เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเหมือนในอดีต
ดังเช่น “สถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รายเดือนสะสมปี 2558 (มกราคม-กุมภาพันธ์)” ที่จัดทำโดย “กองความร่วมมือการลงทุนต่างประเทศ” สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) หรือ BOI ได้รายงานสถานการณ์การยื่นขอส่งเสริมของโครงการลงทุนในประเทศไทย ในช่วงเดือน มกราคม- กุมภาพันธ์ 2558 ที่พบว่า การยื่นขอส่งเสริมของโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ในปี 2558 (มค.- กพ.) เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ในช่วงเวลาเดียวกัน จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 58.6 และร้อยละ 94.0
โดยในเดือน “มกราคม-กุมภาพันธ์ 2558” มีเพียง “ 50 โครงการ” เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่า จำนวนโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุน “ลดต่ำลง” คิดเป็น -58.6% โดยที่จำนวนเงินลงทุนก็ลดเหลือเพียง 2,860 ล้านบาท “น้อยกว่าใน” ช่วงเดียวกันของปี 2557 ที่ในเดือน “มกราคม-กุมภาพันธ์ 2557” มีจำนวนโครงการ ที่ยื่นขอส่งเสริมของโครงการลงทุน ทั้งสิ้น “121 โครงการ” และ “มูลค่าเงินลงทุน” เคยมีเงินลงทุนถึง 47,496 ล้านบาท
สถานการณ์เศรษฐกิจไทย ในยุค คสช. จึงกลายเป็นว่า “ขายออกก็ไม่ได้-ชวนใครมาลงทุนก็ไม่สน” !
ล่าสุดตรวจสอบพบว่า BOI ได้รวบรวม “การขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิ มกราคม-มีนาคม 2558 เปรียบเทียบกับปี 2556 และปี 2557” เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การลงทุนในประเทศไทย ซึ่งตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมาจำนวนและมูลค่าเงินลงทุน ในการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ลดลงเป็นอย่างมาก
ซึ่งข้อมูลที่ออกมาก็ทำให้ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อพบว่า จำนวนและมูลค่าเงินลงทุน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 กลับ “ลดต่ำลงอย่างมาก” อย่างมาก ซ้ำร้าย “โครงการขนาดใหญ่” ที่มี “ขนาดเงินลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท” นั้นมีค่าเป็น “0” คือ “ไม่มีความสนใจ” ยื่นลงทุนเลย ?
จากข้อมูลในเอกสาร “การขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิ มกราคม-มีนาคม 2558 เปรียบเทียบกับปี 2556 และปี 2557” พบว่า
เดือน มกราคม-มีนาคม 2558 มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิ จำนวน 176 โครงการ จำนวนเงินลงทุน 28.83 พันล้านบาท และมีการจ้างงานเพียง 7,463 คน
ซึ่งแตกต่างกับในช่วงเดียวกันของปี 2557 ชนิดที่เรียกว่า “ฟ้ากับเหว” !
เพราะในช่วงเดือน มกราคม- มีนาคม 2557 กลับมีจำนวนมากถึง 265 โครงการ จำนวนเงินลงทุนมากถึง 218.57 พันล้านบาทและมีการจ้างงานมากถึง 36,320 คน
นอกจากนี้ใน “ไตรมาสแรกของปี 2558” การยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก “ต่างชาติรายใหญ่” ก็ลดลงอย่างมากทุกชาติ ทั้ง จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน “ญี่ปุ่น , ยุโรป , สหรัฐอเมริกา , ไต้หวัน ,ฮ่องกง รวมไปถึง สิงคโปร์ (ข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารประกอบ)
นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือ “ขนาดเงินลงทุน” แต่ละโครงการที่บันทึกเอาไว้ ในข้อมูล “การขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิ มกราคม-มีนาคม 2558 เปรียบเทียบกับปี 2556 และปี 2557” นั้นระบุอย่างชัดเจนว่า “โครงการที่มีขนาดเงินลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท” ในปี 2556 มีจำนวน 41 โครงการ ซึ่งในปี 2557 มี 95 โครงการ และในเดือน มกราคม- มีนาคม 2557 มี 15 โครงการนั้น
กลับพบว่า ในเดือน มกราคม- มีนาคม 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น “0” โครงการ
เช่นเดียวกัน ในส่วนของ “เงินลงทุน” ในโครงการ “ขนาดเงินลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท” ในปี 2556 มีการลงทุนถึง 515.98 พันล้านบาท ซึ่งในปี 2557 มีการลงทุนถึง 1,134.03 พันล้านบาท และในเดือน มกราคม-มีนาคม 2557 มีการลงทุนสูงถึง 117.17 พันล้านบาท
แต่ในเดือนมกราคม-มีนาคม 2558 กลับมีเงินลงทุน บันทึกเอาไว้ว่า “0.00” พันล้านบาท
