ภาพ โพสต์ทูเดย์ |
'พลเมืองโต้กลับ' เตรียมยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง
Fri, 2015-05-29 22:35
เรื่อง ประชาไท
หลังพิพากษายกฟ้อง กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ฟ้อง “พล.อ.ประยุทธ์” และคณะ ล้มล้างรธน. ชี้ คสช.ไม่ต้องรับผิดมาตรา 48 รธน.ชั่วคราวปี 57 ด้าน 'พันธ์ศักดิ์' ระบุเตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งอีกครั้ง
29 พ.ค. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่าที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 9.00 น. ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ อ.1805/2558 ที่นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ สมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และพวก รวม 15 คน เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลยฐานกบฏ กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 20-24 พ.ค.57 จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้กำลังขู่เข็ญประทุษร้ายและล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 สิ้นสุดลง ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อันเป็นความผิดฐานกบฏ และพวกจำเลยยังได้ออกคำสั่งในนาม คสช.หลายฉบับ อันเป็นการละเมิดสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ทำให้โจทก์ทั้ง 15 คนได้รับความเสียหาย โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 113 และ 114
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้การเข้ายึดและการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของจำเลยทั้งห้ากับพวกในนามคสช. แต่ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2557 ฉบับชั่วคราว ลงวันที่ 22 ก.ค.57 โดยบัญญัติว่า การละเว้นความผิดและความรับผิดไว้ในมาตรา 48 ว่า บรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำในนามการควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ของหัวหน้าและคณะคสช. รวมทั้งการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้กระทำ และคำสั่งจากหัวหน้าและคณะคสช.อันได้กระทำไปเพื่อการดังกล่าวข้างต้น โดยการกระทำดังกล่าวทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางรัฐธรรมนูญ ทางนิติบัญญัติ ทางด้านบริหาร และอำนาจตุลาการ รวมทั้งการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอื่น ๆ ไม่ว่าในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ ทั้งกระทำในวันดังกล่าว หรือกระทำภายหลังซึ่งเป็นการกระทำอันผิดต่อกฎหมาย ให้ผู้กระทำนั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้งห้าตามฟ้องจึงพ้นจากความผิด และความรับผิดตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2557 ฉบับชั่วคราว มาตรา 48 คดีของโจทก์ทั้งสิบห้าจึงไม่มีมูลที่ศาลจะรับไว้พิจารณา พิพากษายกฟ้อง
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายพันธ์ศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากที่ได้อ่านคำสั่งของศาลแล้ว เห็นว่าศาลยอมรับว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจศาล เท่ากับศาลยอมรับว่าพวกเราเป็นกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งต่างจากอดีตที่ศาลจะไม่ยอมรับคดีที่ฟ้องคณะรัฐประหาร นอกจากนี้ ในคำสั่งยังระบุอีกว่า การกระทำของคณะคสช.ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย แต่เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญพ.ศ.2557 ฉบับชั่วคราว ซึ่งมาตรา 48 บัญญัติให้ละเว้นความผิดและความรับผิดคณะคสช.ไว้ โดยเราตีความคำว่าพ้นผิดนั้น หมายความว่าคณะคสช.ได้กระทำผิดจริง จึงถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ และจะใช้เป็นช่องทางที่เราจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อไป ซึ่งศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
หลังพิพากษายกฟ้อง กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ฟ้อง “พล.อ.ประยุทธ์” และคณะ ล้มล้างรธน. ชี้ คสช.ไม่ต้องรับผิดมาตรา 48 รธน.ชั่วคราวปี 57 ด้าน 'พันธ์ศักดิ์' ระบุเตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งอีกครั้ง
29 พ.ค. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่าที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 9.00 น. ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ อ.1805/2558 ที่นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ สมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และพวก รวม 15 คน เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลยฐานกบฏ กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 20-24 พ.ค.57 จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้กำลังขู่เข็ญประทุษร้ายและล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 สิ้นสุดลง ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อันเป็นความผิดฐานกบฏ และพวกจำเลยยังได้ออกคำสั่งในนาม คสช.หลายฉบับ อันเป็นการละเมิดสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ทำให้โจทก์ทั้ง 15 คนได้รับความเสียหาย โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 113 และ 114
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้การเข้ายึดและการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของจำเลยทั้งห้ากับพวกในนามคสช. แต่ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2557 ฉบับชั่วคราว ลงวันที่ 22 ก.ค.57 โดยบัญญัติว่า การละเว้นความผิดและความรับผิดไว้ในมาตรา 48 ว่า บรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำในนามการควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ของหัวหน้าและคณะคสช. รวมทั้งการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้กระทำ และคำสั่งจากหัวหน้าและคณะคสช.อันได้กระทำไปเพื่อการดังกล่าวข้างต้น โดยการกระทำดังกล่าวทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางรัฐธรรมนูญ ทางนิติบัญญัติ ทางด้านบริหาร และอำนาจตุลาการ รวมทั้งการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอื่น ๆ ไม่ว่าในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ ทั้งกระทำในวันดังกล่าว หรือกระทำภายหลังซึ่งเป็นการกระทำอันผิดต่อกฎหมาย ให้ผู้กระทำนั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้งห้าตามฟ้องจึงพ้นจากความผิด และความรับผิดตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2557 ฉบับชั่วคราว มาตรา 48 คดีของโจทก์ทั้งสิบห้าจึงไม่มีมูลที่ศาลจะรับไว้พิจารณา พิพากษายกฟ้อง
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายพันธ์ศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากที่ได้อ่านคำสั่งของศาลแล้ว เห็นว่าศาลยอมรับว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจศาล เท่ากับศาลยอมรับว่าพวกเราเป็นกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งต่างจากอดีตที่ศาลจะไม่ยอมรับคดีที่ฟ้องคณะรัฐประหาร นอกจากนี้ ในคำสั่งยังระบุอีกว่า การกระทำของคณะคสช.ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย แต่เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญพ.ศ.2557 ฉบับชั่วคราว ซึ่งมาตรา 48 บัญญัติให้ละเว้นความผิดและความรับผิดคณะคสช.ไว้ โดยเราตีความคำว่าพ้นผิดนั้น หมายความว่าคณะคสช.ได้กระทำผิดจริง จึงถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ และจะใช้เป็นช่องทางที่เราจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อไป ซึ่งศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล