ที่มา ที่นี่และที่นั่น
May 19, 2015
เหตุการณ์สลายการชุมนุมของประชาชนครั้งประวัติศาสตร์ พฤษภาคม2553 กลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมหาศาล
ซึ่งถ้ารวบรวมเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องจากการสั่งให้สลายการชุมนุมของประชาชน โดยใช้กำลังทหารและอาวุธสงครามอย่างเต็มรูปแบบ โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในช่วงปี 2553 ก็จะพบว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อ “ประชาชน” นั้นกลายเป็น “ตัวเลขประวัติศาสตร์” เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย ซึ่งนับว่ามากที่สุด ที่ประเทศไทยเคยบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเมือง
แต่ลำพัง “ความเสียหาย” ที่เกิดขึ้นต่อประชาชน ไม่ว่าจะ “บาดเจ็บ-ล้มตาย” มากเท่าไร ก็ไม่ใช่สิ่งที่ “ฝ่ายผู้มีอำนาจ” ในขณะนั้น “ใยดี” ต่อคราบเลือดและคราบน้ำตา ของ “ประชาชน” ที่ต้องตกเป็นฝ่ายผู้ถูกกระทำในครั้งนั้นไม่
ตรงกันข้ามกัน “ฝ่ายผู้มีอำนาจ” กลับแสดงตนอย่างชัดเจนว่า “ไม่ยี่หระ” ต่อ “ความเจ็บปวด-การบาดเจ็บ-ล้มตายของประชาชน” แต่อย่างใด
โดย “หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ” ฉบับวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 ได้เผยแพร่เนื้อหาข้อมูลเรื่อง“ครม.ลุกลี้ลุกลน ช่วงม็อบแดงป่วน แจกงบ 4 แสนล้าน” โดยเนื้อหาระบุว่า “แฉช่วงชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง 2 เดือน ครม.อภิสิทธิ์ “ปากมัน” เร่งอนุมัติโครงการมากกว่า 4 แสนล้าน ปูพรหมกระจายทั่วทุกกระทรวง “คมนาคม” นำโด่งเฉียด 2 แสนล้าน
ผู้สื่อข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” รายงานช่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงมาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เริ่มการชุมนุมใหญ่กดดันให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา ทำให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างมากนั้น
ขณะที่รัฐบาลก็ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้อย่างรวบรื่น โดยเฉพาะการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ก็ไม่สามารถประชุมได้ตามปกติ และได้เริ่มเข้าไปประชุมครั้งแรกที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 และต่อเนื่องมาหลายนัด ซึ่งจากการตรวจสอบมติ ครม.ถึงการอนุมัติโครงการต่างๆ ในช่วงระยะ 2 เดือน (23 มีนาคม-11พฤษภาคม 2553 ) พบว่าได้มีการอนุมัติโครงการเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่า เบื้องต้นมากกว่า 2 แสนล้านบาท โดยจะเป็นการกระจายให้กับทุกๆกระทรวงจำนวนงบประมาณมาก-น้อยเป็นไปตามที่แต่ละกระทรวงเสนอ
นับเริ่มตั้งแต่การใช้งบแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่กระจายงบประมาณที่ส่วนใหญ่ลงพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่เพิ่มเติมจำนวน 10 โครงการ ใช้งบ 838.998 ล้านบาท เป็นต้นโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของเด็ก 94,508,472 ล้านบาทของกระทรวงสาธารณสุข ด้านโครงการของกระทรวงมหาดไทย เช่นโครงการเพิ่มพูนคุณวุฒิกำนันผู้ใหญ่บ้าน ของบประมาณปีละ 32,400,000 บาท การขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าบริหารจัดการแก้ไขหนี้นอกระบบ 52,810,000 บาท
โครงการที่เสนอโดยกระทรวงคมนาคม มีนายโสภณ ซารัมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่จะมีบทบาทค่อนข้างมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการใหญ่ของกระทรวงได้มีการอนุมัติออกมาจำนวนมากเช่นเดียวกัน อาทิ อนุมัติโครงการจัดหาเครื่องบิน 2553-2557 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 15 ลำรวมเครื่องยนต์อะไหล่ 5 เครื่องยนต์ 35,484 ล้านบาท โครงการแผนยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานการรถไฟแห่งประเทศไทย 1.7 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต จำนวน 22,783 ล้านบาท โครงการถนนไร้ฝุ่น จำนวน 901 โครงการงบประมาณ 14,821.49 ล้านบาท โครงการปรับปรุงสถานีรถไฟทั่วประเทศ เป็นต้น
โครงการอนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนระยะยาว จำนวน 7,493 ล้านบาทเศษ โครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ให้เบิกจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 40,000 ล้านบาทของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โครงการขายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เสนอโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน 3,800 ล้านบาท โครงการของกระทรวงการคลัง อาทิ โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ตภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง จำนวน 2,600 ล้านบาท โครงการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ อนุมัติโครงการอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น-อุดรธานี จำนวน 2,647 ล้านบาท การอนุมัติกู้เงินเพื่อใช้หนี้ค่าน้ำมัน ค่าเหมาซ่อมพร้อมดอกเบี้ยประจำปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 51-กันยายน 52) –ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจำนวน 3,966 ล้านบาทเศษ
กระทรวงพลังงาน อาทิ โครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนบางลาง เครื่องที่ 1-3 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2,426 ล้านบาทเศษ เป็นต้น
เกรอะกรัง..ไปทั้งน้ำลายและคราบเลือด !
