วันอาทิตย์, พฤษภาคม 31, 2558

บางทีการเปรียบเทียบอะไรสักอย่าง ถ้าพูดแบบรู้จริง คงไม่มีใครว่าอะไร




ที่ประยุทธ์ชื่นชมลินคอล์นอาจเป็นเพราะถูกจริตเขาก็ได้ เพราะแม้ลินคอล์นได้ชื่อว่าเป็น ผู้ปลดปล่อย “emancipator” ยกเลิกระบบทาสทั้งประเทศ แต่ยุคเขาเป็นปธน.ก็ถือเป็น “ยุคมืด” ของสิทธิพลเรือน คล้าย ๆ ยุคประยุทธ์ ในช่วงสี่ปีมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ (เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์อเมริกัน) มีการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกจับกุมพลเรือน 1-1.5 หมื่นคน (ส่วนมากควบคุมตัวไม่นานก็ปล่อย) ตัดสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการขออำนาจศาลไต่สวนการควบคุมตัว (habeas corpus) มีการใช้ศาลทหารไต่สวนพลเรือนเกือบ 5,000 คดี ใช้อำนาจปราบปรามเสรีภาพในการแสดงความเห็นของพลเรือนและสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง เรียกว่าใครวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ลินคอล์นให้อำนาจเจ้าพนักงานสั่งขังได้ทันที แม้ Supreme Court มีความเห็นแย้ง ลินคอล์นก็ไม่เชื่อฟัง

แต่ (ใหญ่ ๆ เลย) ยุคนั้นเป็นยุค “สงครามกลางเมือง” (Civil War) เป็นสงครามที่คุกคามการอยู่รอดของรัฐ (ไม่ใช่สงครามกับประชาชนแบบยุคของประยุทธ์) ไม่ถึงเดือนหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประชาชนบางส่วนในแมรีแลนด์ซึ่งเห็นด้วยกับรัฐทางใต้ (Confederate States) ก่อจลาจล ขัดขวางการลำเลียงกำลังทหารจากแมสซาจูเซ็ตไปปกป้องวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวง ถึงขั้นปะทะกันมีทหารตายไปหลายนาย พลเรือนก็ตาย ลินคอล์นเห็นว่าถ้าปล่อยให้จลาจลลุกลามใกล้เมืองหลวง รัฐธรรมนูญและ Union สหพันธรัฐพังแน่ เพื่อรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (public safety) เขาจึงใช้อำนาจเด็ดขาดในฐานะผู้บัญชาการทหาร (commander in chief) ประกาศกฎอัยการศึก (เฉพาะรัฐนั้นก่อน) แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้ทำช่วงเขาใช้อำนาจเบ็ดเสร็จคือ การยกเลิกหรือเลื่อนการเลือกตั้ง สังเกตว่าแม้สงครามยังไม่สิ้นสุด เขาจัดให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งตามวาระ ไม่อ้างเหตุฉุกเฉินเพื่อเลื่อนออกไป

ฉะนั้นที่ประยุทธ์พูดว่าดูหนังเกี่ยวกับประธานาธิบดีลินคอล์น และชอบคำพูดที่ว่า “การประท้วงของประชาชนไม่ใช่ความผิด แต่ผิดตรงที่เกิดการจลาจล" นั้น ไม่รู้ว่าจำมาผิดหรือว่าอย่างไร ยุคลินคอล์นมันไม่ใช่ “จลาจล” ธรรมดา มันเป็น “ขบถ” มีกลุ่มและกองกำลังต่อต้านรัฐที่จัดตั้งอย่างเข้มแข็งหลายกลุ่ม (แม้ในรัฐฝ่ายเหนือเอง อย่าง Copperhead เป็นต้น) ที่สำคัญคือการใช้ศาลทหารกับพลเรือนนั้น หลังจากยุคลินคอล์นแล้ว ผ่านมา 150 ปีไม่มีการใช้ศาลทหารกับพลเรือนอีกเลย จนกระทั่งในยุคของบุช ซึ่งนำมาใช้กับผู้ถูกควบคุมตัวหลังเหตุการณ์ 911 (ซึ่งความจริงส่วนใหญ่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน) ผิดกับยุคของประยุทธ์ แค่ชูสามนิ้ว กินแซนด์วิชก็เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไปแล้ว

บางทีการเปรียบเทียบอะไรสักอย่าง ถ้าพูดแบบรู้จริง คงไม่มีใครว่าอะไร

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1432800351

http://slate.me/1FHvK1l

Pipob Udomittipong