วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 28, 2558

เสร็จแล้วเรื่องถอนพาสปอร์ตไทยสองใบของทักษิณชักไม่เนียน





เสร็จแล้วเรื่องถอนพาสปอร์ตไทยสองใบของทักษิณชักไม่เนียน

เริ่มแต่เมื่อ บีบีซีไทย - BBC Thai เสนอรายงานข่าวตามประกาศกระทรวงต่างประเทศที่ว่า



“สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาเห็นว่า ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยหรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย ประกอบกับกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒, ๓๒๖ และ ๓๒๘ และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ (๓) (๕)”
(https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1659795774241456/?type=1&theater)

ต่อมา พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษก (หน้ามน) ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธข้อครหากรณี ‘จ้องกัดแม้ว’ ว่า

“เป็นเพราะทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชงเรื่องเข้ามา ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาไปตามความผิดที่มีอยู่จริง ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”

จึง ‘จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย’ แม้นว่า “จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมีรายงานก่อนหน้านี้แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือพาสปอร์ตมอนเตรเนโกร”

ซึ่งความจริงก็เป็นตามนั้น

“เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณได้ถือหนังสือเดินทางของประเทศมอนเตเนโกร จากการประมูลซื้อเกาะสเวตติ นิโคลา (Sveti NiKola) ซึ่งมีมูลค่าสุงถึง ๒๘ ล้านยูโร หรือประมาณ ๑,๒๘๘ ล้านบาท

และยังถือหนังสือเดินทางของประเทศนิการากัว ในฐานะ ‘ทูตพิเศษนิการากัว’ (special ambassador) เนื่องจากได้มีการลงทุนด้านโทรคมนาคมในประเทศนิการากัว พร้อมวางโครงสร้างคมนาคมขั้นพื้นฐานให้ประเทศจนได้เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจพิเศษของประธานาธิบดี และมีฐานะเป็น ‘พลเมืองกิตติมศักดิ์’ พร้อมทั้งได้รับ ‘เอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูต’ ของสาธารณรัฐนิการากัวด้วย”

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1432737897)

เช่นนี้ ประโยชน์ที่ได้ เห็นจะเป็นการที่นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาขยายผลทันใด



“รัฐบาลชุดนี้ควรที่จะดำเนินการตั้งนานแล้ว คิดว่าคงไม่เกี่ยวกับเนื้อหาบางส่วนในคำให้สัมภาษณ์ตามที่เป็นข่าว แต่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ที่หนีคดี จึงเข้าข่ายองค์ประกอบที่ไม่สมควรถือพาสปอร์ตของไทยอีกต่อไป รวมทั้งเรื่องที่สมควรมีการถอดยศด้วย”

(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1432728621)

ลูกพรรค ปชป. อีกคนรีบซ้ำ ‘ดั้มพลอย’ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. จัดแจงแจ้งสื่อว่า




“นอกจากการยกเลิกพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะต้องดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเร็ว” ส่วนกรณีที่พูดถึงองคมนตรีนั้น “ตนไปร้องทุกข์ที่กองปราบปรามแล้ว ตำรวจก็ยังใส่เกียร์ว่างอยู่เช่นเคย คดีไม่คืบหน้าใดๆ”

อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อเส้นสาย ‘แนวหน้า’ คำรามอ้างเส้นใหญ่ใน คสช. “ตนก็จะไปร้องเรียนกับ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพกองทัพภาคที่ ๑ เพราะเห็นว่าท่านเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้เหนือสิ่งอื่นใด”

(http://www.thairath.co.th/content/501514)

อีกด้านหนึ่งนั้น มีเสียงมาจากคนเสื้อแดงที่ไม่ใช่เนื้อนาพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่หัวหมู่หัวจ่า นปช. แต่หลายต่อหลายคนโดนคดี ๑๑๒ และก่อการร้าย บ้างติดคุก บ้างถูกจำกัดสิทธิในมโนธรรมทางการเมืองของตน บ้างต้องระเห็ดระเหินอยู่ต่างประเทศเพราะไม่ยินยอม ‘โดน’ ปรับทัศนคติ

เสียงที่เปรยว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณต้องมาโดนข้อหา ๑๑๒ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง มันก็ ‘สายเสียแล้ว’ หมดทางแก้ ซ้ำไม่สามารถผ่อนคลายให้เขาปล่อยคดีไปเอือยๆ ด้วยวิธีจ้วงจาบชินวัตร ‘อัปรีย์’ แบบ ส.ศิวรักษ์ได้

ยังดีที่ผลงานและวิสัยทัศน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ลอยตัวพ้นปลักแห่งวงจรอุบาทว์อำนาจเหนือครรลองอยู่ได้ เพราะการขาดทักษะโลกาภิวัฒน์และจิตสำนึกสากลของกลุ่มนิยมรัฐประหาร กับความสับปรับในหมู่ผู้ปฏิบัติการอย่างเช่นทีมงานโฆษกที่มักแถลงบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่เสมอ

ดังที่ กานดา นาคน้อย นักวิชาการฝ่ายประชาธิปไตยในสหรัฐท่านหนึ่งกล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของทักษิณในกรุงโซลไว้น่าคิดว่า

“ฉันไม่เคยชอบทักกี้ (แต่ก็ไม่เคยเกลียด) แต่อดสะใจไม่ได้ที่ทักกี้ได้รับเชิญไปพูดที่เกาหลีใต้ เป็นการตบหน้าคนขี้แพ้ที่บางกอกเมืองเทวดาสุดๆ

ฉันขอให้แม่สามีแปลบทสัมภาษณ์ภาษาเกาหลีให้ฟัง ก็ไม่เห็นว่ามีความชั่วร้ายอะไร ที่ฉันไม่เห็นด้วยก็ตรงที่ทักกี้ชมโครงการจำนำข้าวมากเกินไป แต่นอกนั้นก็พูดใช้ได้ แม่สามียังชมว่าใช้คำพูดสมกับที่เคยเป็นนายกฯ สมควรแล้วที่ได้รับเชิญไปพูดในเวทีนานาชาติ

แถมแม่สามีมีความเห็นว่าน้องสาวทักกี้ยังสาวและสวยได้เป็นนายกฯหญิงคนแรกก็ต้องโดนรุมอิจฉาอย่างรุนแรง ขนาดประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้เป็นหญิงวัยกลางคนไม่ค่อยสวย ยังโดนนายอิจฉานางอิจฉาที่แพ้เลือกตั้งรุมด่าเรื่องงี่เง่าไม่เลิก อิจฉากันจนเก็บกิริยาไม่อยู่ ฉันก็ยอมรับว่าใช่ อิจฉาริษยาน้องสาวทักกี้กันท่วมท้นล้นจอ”




ถึงกระนั้นความหมางใจในหมู่เสื้อแดงฝ่ายประชาธิปไตยบางส่วนที่เห็นว่า “เพราะ พ.ท.ต.ทักษิณ เล่นการเมืองแบบต่อรองผลประโยชน์ไม่ได้ยึดหลักประชาธิปไตยที่แท้จริง นี่คือสิ่งที่ขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยผิดหวังกับทักษิณ เพื่อไทย และ นปช.” ก็จะมีส่วนทำให้น้ำหนักในการต่อรองกับอำมาตย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณด้อยไปกว่าก่อนมากนัก

(https://youtu.be/intvPc46HuA)

คำพูดของทักษิณที่เกาหลีใต้ว่า ‘ต้องการให้เสื้อแดงอยู่กันอย่างสงบ รอเวลาจนกว่าเสียงพวกเขาจะมีพลังอำนาจ’ นั้นอาจจะไม่ง่ายดังใจหมายเสียแล้วก็ได้ เพราะข้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณโดนด้วยตนเองคงทำให้ต้องสยบราบคาบต่ออำนาจ ‘องคมนตรี-ทหาร’ ยิ่งขึ้นไปอีก

เว้นแต่ พ.ต.ท.ทักษิณจะ ‘เลือก’ ไม่ยอมรับอาณัติอื่นใดที่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ประชาชนเสียที