พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ภาพตนเองขณะนั่งอยู่ในห้องพระ ผ่าน Instagram @Thaksinlive โดยมีใจความว่า
"หลังจากได้อุ้มหลานที่สิงคโปร์ วันนี้กลับมาอยู่ดูไบแล้ว ได้มีเวลานั่งสมาธิ เช่นเดียวกับวันว่างทุกวันที่ผ่านมา
แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มการแผ่เมตตา ให้กับผู้มีอำนาจทั้งหลาย ได้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง เพื่อจะได้มีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่บริหารแต่อำนาจ และสร้างความแตกแยกให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับผมเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง" คือ ทุกสิ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป
พาสปอร์ตก็เช่นกัน ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตอะไรกันมากมาย ผมก็ยังเป็นคนเดิมจนกว่าจะลาโลกไป อยากให้คนไทยมีเมตตาต่อกัน กฎหมายและปืนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นอกจากเมตตา เท่านั้น"
PEACE TV
ที่มา Voice TV
นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธใช้อำนาจ ตามมาตรา 44 ดำเนินการถอดยศ และยึดหนังสือเดินทางของ"พ.ต.ท.ทักษิณ"พร้อมประกาศจะถอนหนังสือเดินทางทุกเล่มที่เหลือ ด้านคณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ให้ ถอดยศ "พ.ต.ท.ทักษิณ"ส่งผบ.ตร.พิจารณาตามขั้นตอนแล้ว
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยืนยันว่าไม่ได้ใช้อำนาจ ตามมาตร 44 เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการ ถอดยศ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ใช้กฎหมายปกติ พร้อมยืนยันถึงการถอนหนังสือเดินทาง พันตำรวจโท ทักษิณ ว่า จะถอนทุกเล่มที่มีในประเทศไทย
นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญว่า มอบทีมกฎหมาย คสช. หาวิธีรองรับ หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบจาก สปช. หรือไม่ผ่านความเห็นชอบ ในกรณีทำประชามติแล้ว
รัฐบาลยังได้เพิ่มเวลาให้กับรายการเดินหน้าประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ความคืบหน้า ในการทำงาน จากเดิม 15 นาที เป็น 30 นาที เริ่ม 1 มิถุนายนนี้
ขณะที่ คณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจ มีมติเอกฉันท์ ให้ถอดยศ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี พร้อมเสนอพลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบ
พลตำรวจเอก ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ประธานคณะกรรมการฯ ยืนยัน เป็นไปตามขั้นตอน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาเพิ่มเติม ในประเด็นที่พันตำรวจโท ทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา อยู่ระหว่างหลบหนีคดี เข้าเงื่อนไขตามข้อ 1(6) ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547
ส่วนกรณีบทสัมภาษณ์กระทบต่อความมั่นคงนั้น ไม่ได้นำมาร่วมพิจารณาด้วย
ขั้นตอนหลังจากนี้ หากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาเห็นชอบ ก็จะส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีต่อไป พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้กลั่นแกล้ง โดยเป็นการพิจารณาในรูปแบบคณะกรรมการ ที่มาจากหลายภาคส่วน ขณะที่ พันตำรวจโท ทักษิณ สามารถทำหนังสือชี้แจงได้ตามสิทธิ์
ด้าน พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางอินสตาแกรมส่วนตัว ไม่ติดใจกรณี ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง และต้องการให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โต
พร้อมกันนี้ อยากให้คนไทย มีเมตตาต่อกัน เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาประเทศ ซึ่งการจะสำเร็จได้นั้น จำเป็นว่า ต้องพ้นจากความโลภ โกรธ หลง เพื่อจะได้มีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นจริง
ooo
คำสัมภาษณ์ ของทักษิณ คือหมิ่นเจ้า
ต้องยึดเอา พาสปอร์ตไว้ มิให้หนี
ต้องถอดยศ มันทิ้งไป ไม่ให้มี
จวน10ปี วนเรื่องเก่า เล่าเรื่องเดิม
แม้วสัญจร รอบโลกได้ หลายปีแล้ว
แรงไม่แผ่ว ชาติต่างต่าง ยังส่งเสริม
จึงให้ร้าย ป้ายข้อหา หนักกว่าเดิม
หวังจะเพิ่ม ความเกลียดชัง ทั้งกะลา
อิจฉาแม้ว มีความสุข กับลูกหลาน
อันธพาล ที่จนตรอก จึงออกหน้า
มีทั้งบอก ต้องไปจับ เอากลับมา
มีทั้งด่า ไม่ให้อยู่ กูละงง...
Credit
UDD Thailand