วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 11, 2567

ร่าง พรบ.การเงินการคลัง ถูก ครม.อุ้มไปกกไว้ ๖๐ วัน พอดิบพอดีรัฐบาลเจอแหล่งเงินแจกดิจิทัลวอลเล็ต แบบที่ 'ก้าวไกล' ต้องการแก้ไข

ญัตติเสนอแก้ พรบ.การเงินการคลังของพรรคก้าวไกล ถูกอุ้มไปให้แม่งูกกไข่อยู่ใน ครม.จนได้ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผุ้เสนอร่างฯ อุตส่าห์วิงวอน ดักคอไว้แล้วว่า “เรื่องเงินนอกงบประมาณ” นี้สภาทุกสมัยติติงเป็นข้อสังเกตุไว้

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะช่วยกันโหวตรับในวาระที่ ๑ ไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ตนได้ยินมาว่ารัฐบาลจะอุ้มกฎหมายนี้ไปศึกษา ๖๐ วัน ซึ่งตนขอถามว่าจะศึกษาอะไรอีก ถ้าอ่านรายงานข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ มาทุกปี เราต่างก็รู้ปัญหาดี”

แต่นั่นละ “จากจำนวนผู้ลงมติ ๔๓๒ เสียง เห็นด้วย ๒๖๘ เสียง ไม่เห็นด้วย ๑๖๒ เสียง และไม่ลงคะแนน ๓ เสียง” เปิดไฟเขียวให้คณะรัฐมนตรีอุ้มไปพิจารณาในกรอบเวลา ๖๐ วัน ไม่แน่ใจว่า ครม.จะพิจารณาสิ่งที่วิโรจน์เสนอไว้ ๒-๓ ข้อไหม

ดังประเด็นมาตรา ๒๘ กรณีรัฐบาลต้องรับภาระชดเชยค่าใช้จ่าย “หรือต้องยอมรับการสูญเสียรายได้ในการดำเนินนโยบายนั้น” และกระทำในกรณีฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

วิโรจน์บอกว่ากฎหมายข้อนี้รัดกุมดีแล้ว แต่ประชาชนไม่ได้รับรู้ด้วย จึงเสนอให้เพิ่มเติมวรรคสาม “ให้รายงานยอดคงค้างดังกล่าวต่อสาธารณะ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวงการคลัง” ประชาชนจะได้มีส่วนร่วมรับทราบ ไม่น่าจะมีปัญหา

เขายกตัวอย่าง “โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะสร้างภาระทางการคลังอย่างมหาศาล ประชาชนควรต้องรับทราบถึงภาระทางการคลังที่อาจจะเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตด้วย” ก็พอดีที่โครงการนี้ รัฐบาลหันรีหันขวางมานานเต็มทน

เนื่องเพราะโครงการใหญ่ต้องใช้เงินถึง ๔-๕ แสนล้านบาท เพื่อเอามาแจกตามนโยบายที่จะดันประชานิยมให้เกิดในรัฐบาลนี้ให้จงได้ ล่าสุดมีมีการแถลงว่าได้แล้ว จะไม่ยืมเงินจาก ธ.ก.ส. ซึ่งโดนวิจารณ์แหลกว่าทำไม่ได้ หันไปใช้งบฯ ปกติแทน

โดยลดวงเงินลงเหลือ ๔.๕ แสนล้านบาท แต่ยืนยันแจกตามกลุ่มเป้าหมาย ๕๐ ล้านคนเหมือนเดิม เพราะเห็นว่าในอดีตโครงการอย่างนี้มีผู้ใช้สิทธฺราว ๘๐-๙๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดิจิทัลวอลเล็ตก็คงจะใช้พียง ๙๐% ของวงเงิน ๕ แสนล้านเท่านั้น

ครั้นตามไปดูที่ว่าจะใช้งบฯ ปกติปี ๖๗ และ ๖๘ นั้น งบปี ๖๗ ตามสูตรเดิมในวงเงิน ๑.๖๕ แสนล้าน จะเอาเงินจาก “งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปี” ๑.๒๒ แสนล้าน กับอีก ๔.๓ หมื่นล้านบอกว่ามาจากชั้นเชิงวิธีบริหารจัดการงบประมาณ

เงินจากงบฯ ปี ๖๘ ก็เช่นกัน ยอดรวม ๒.๘๕ แสนล้าน มาจากงบปกติที่ตั้งไว้แล้ว ๑.๕๒ แสนล้าน ที่เหลืออีก ๑.๓๒ แสนล้าน ใช้ชั้นเชิงบริหารจัดการงบประมาณเช่นกัน ประชาชนจำนวนไม่น้อยใจสั่นในเรื่องนี้ว่า ชั้นเชิงงบประมาณจะวิลิสมาหราแค่ไหน

คิดอย่างบ้านๆ รัฐบาลเล่นพลิกแพลงกับงบประมาณอย่างไร ไม่สำคัญเท่ารายได้ที่จะเอามาถมงบประมาณจะพอให้หมุนเวียนละหรือ ชาวบ้านทั่วไปอยากให้ตรงๆ มีเท่าไรใช้เท่านั้น พอไปดึงโน่นนี่มาโปะ ภาระชดใช้ถูกผลักออกไปอยู่กับผู้เสียภาษีรุ่นใหม่

นี่ละที่เคยพูดกันว่า เด็กเกิดใหม่แทนที่จะคาบช้อนเงินช้อนทองมาด้วย กับมาพร้อมถุงหนี้พ่วงพวงใหญ่

(https://thaipublica.org/.../mof-returned-to-use-normal.../ และ https://www.facebook.com/thai.udd.news/posts/g5HFNMZiGe)