ทั้งอุ๊งอิ๊ง ทั้งเศรษฐา นัดกันออกมาประโคมประเด็น ผ่านมาแล้ว ๑๐ เดือน (ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน) ขอต่อไปให้ครบ ๑๐ (มีแต่คนถามว่า “กี่โมง”) เหมือนว่าเอาแต่คิดทำโน่นทำนี่ โดยยังไม่เห็นผลลัพท์เป็นรูปธรรมก็ไปต่ออีกแล้ว
สำหรับอุ๊งอิ๊งนั้นมีแต่นามธรรม มิหนำซ้ำคำพูดของตัวเองในอดีตคอยกลับมาหลอน จากทวี้ตของ สุณัย ผาสุข @sunaibkk เช้านี้เอง “#พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลมาแล้ว 10 เดือน แต่ไม่ได้ทำตามคำพูดของหัวหน้าพรรค
ที่บอกว่าจะช่วยเหลือคนเห็นต่าง ที่ถูกขังในข้อหา #ม112 โดยไม่ได้ประกันตัวแม้คดียังไม่ถึงที่สุด” เขาว่าการผิดสัญญา ไม่ใช่วาทกรรมอะไร แต่มันเป็นข้อเท็จจริง ขณะที่ตัวนายกฯ เลี่ยงข้อหา ‘จริยธรรม’ ไปน้ำขุ่นๆ โยนเผือกไปให้กฤษฎีกา
กรณีที่โดนกลุ่มเครือข่ายหมอวรงค์ หรือ คปท. กับศูนย์ปกป้องสถาบันฯ ร้องว่าการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน อดีตทนายของทักษิณซึ่งเคยมีคดีถือถุงขนมใส่เงินสดสองล้านไปฝากผู้พิพากษา เข้าเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ต้องตรวจสอบคุณสมบัติกันใหม่
นายกฯ เศรษฐาตอบแบบตาใส ว่า “เรามีการตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรีทุกคนอยู่แล้ว แต่ผ่านกฤษฎีกาแล้ว” และ “ต้องให้โอกาสคนที่ถูกพาดพิงด้วยเหมือนกัน” เสร็จแล้วหันไปพูดเรื่องใหม่ จะรื้อฟื้นรายการ ‘นายกฯ พบปะประชาชน’ มาใช้บ้าง
รายการที่นายกฯ ออกโทรทัศน์คุยเรื่องโน้นเรื่องนีให้ประชาชนฟัง ซึ่งเคยมีในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์และรัฐบาลประยุทธ์นั้น เป็นวิธีการ ‘พีอาร์’ ประชาสัมพันธ์ทางเดียว ไม่ได้ผลอะไรเท่าใด ถ้าตัวนายกฯ ไม่ได้เป็นที่นิยมอย่างสูงมาก่อนแล้ว
รายการแบบนี้มีต้นแบบที่สำคัญและมีประสิทธิภาพ ในสหรัฐสมัยประธานาธิบดี ‘เอฟดีอาร์’ คุยกับประชาชนทางรายการวิทยุ ได้รับความนิยมอย่างสูงมาก เนื่องเพราะประธานาธิบดีโรสเว๊ลท์สามารถกอบกู้เศรษฐกิจของชาติสำเร็จด้วยโครงการ ‘นิวดีล’
ทว่านายกฯ เศรษฐามีแต่โครงการเพิ่งเริ่ม บางอย่างลากกันมาถูลู่ถูกัง แล้วมาออกอากาศคุยกับประชาชน คงจะได้ปนไปกับเสียงด่าขรมนั่นละ นี่เห็นรัฐมนตรีป้ายแดง จิราพร สินธุไพร บอกจะตั้งสถานีโทรทัศน์ใหม่เพื่อซ้อฟพาวเวอร์โดยตรงอีก
ล้วนเป็นโครงการพีอาร์รัฐบาลทั้งนั้น อวดเรื่องที่จะทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่เห็นผลงานเสียที คนฟังก็เฝือ เบื่อตายโหง
(https://www.thaipbs.or.th/news/content/339645 และ https://twitter.com/MatichonOnline/status/1786248190217670809)