วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 05, 2567

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ⚠️Update #บุ้ง อดอาหาร-น้ำประท้วง เข้าสู่วันที่ 7 (2 ก.พ.) เซ็นพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้ “หยก” และ “พี่สาว” หากถึงแก่ชีวิต


สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
1d
·
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า
Update #บุ้ง อดอาหาร-น้ำประท้วง เข้าสู่วันที่ 7 (2 ก.พ.) เซ็นพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้ “หยก” และ “พี่สาว” หากถึงแก่ชีวิต
วันนี้บุ้งยังคงพยายามฝืนตัวเองออกมาพบกับทนายความ แม้ว่าร่างกายจะทรุดลงต่อเนื่อง โดยต้องมีเพื่อนผู้ต้องขัง 3-4 คน คอยพยุงตลอดเวลา
อาการโดยทั่วไป ดังนี้
น้ำหนักบุ้งลดลงไปเหลือ 75 โล
ฉี่แทบจะไม่ออกแล้ว
เมื่อวานอ้วกหลายรอบ ครั้งนี้เป็นสีส้ม
กลางคืนนอนไม่ค่อยได้เลย
ก่อนกลับบุ้งบอกว่ามือชา เท้าชาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร
บุ้งบอกว่าพบกับทนายความในช่วงเช้า บุ้งได้ไปพบแพทย์ และบุ้งยังได้เซ็นลงชื่อใน #พินัยกรรม ที่ขอให้ทนายความจัดทำให้แล้ว โดยเนื้อหาทุกอย่างในพินัยกรรมเป็นไปตามเจตนารมณ์ของบุ้ง
ช่วงบ่ายทนายความเข้าเยี่ยมอีกครั้ง
.
ทนายลงคิวเยี่ยมไว้เวลา 14.00 น. แต่กว่าบุ้งจะลงมาพบได้ก็เป็นเวลาประมาณ 15.35 น. แล้ว
บุ้งไม่สามารถเดินมาเองได้ ต้องนั่งบนรถเข็นให้อาสาพยาบาล 4-5 คนช่วยกันยกลงมาจากชั้น 3 แล้วเข็นมาส่งที่ห้องเข้าเยี่ยม
หลังจากพบแพทย์ บุ้งแจ้งว่าค่าเลือดยังคงปกติ ส่วนค่าอื่น ๆ ไม่ทราบแน่ชัด โดยจะได้พบแพทย์อีกครั้งในวันจันทร์นี้
เมื่อวานขณะที่บุ้งนอนหลับตาพักผ่อนอยู่ ผู้คุมได้พยายามเอา “น้ำหวานใส่ไซริ้ง”#มาหยดที่ปากบุ้ง แต่บุ้งรู้สึกตัวทันจึงเม้มปากไว้ บุ้งไม่ทันเห็นว่าเป็นใคร เพราะลืมตามามันก็พร่ามัว
บุ้งคิดว่าผู้คุมคงพยายามจะช่วยบุ้ง แต่บุ้งคิดว่าการทำแบบนี้อาจอันตรายถึงชีวิตได้
บุ้งจะใช้ชีวิตบุ้งที่มีอยู่ประจานความไม่ยุติธรรมของศาล บุ้งยืนยันว่า #ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สิ่งศาลทำกับบุ้ง ศาลจะต้องชดใช้


.....
Witchayaporn Liú
8h ·

พี่บุ้งอดน้ำและอาหารเข้าสู่วันที่ 8 แล้ว

เราที่เป็นน้องๆ ต่างรู้ดีว่าพี่บุ้งทำอะไรเพื่อพวกเราบ้าง
ถ้าให้พูดตรงๆ เรารู้สึกเหมือนพี่บุ้งเป็น “บ้าน” เป็น “ความรัก” ที่สามารถกลับไปหา กลับไปเติมใจได้เสมอ

สิ่งที่สื่อหรือสำนักข่าวต่างๆเล่น เราพูดตรงๆ ว่ามันไม่เหมือนกับตัวจริงที่เราเจอ สิ่งที่เราเห็นและสัมผัส

ในวันที่เราไม่แม้แต่จะมั่นใจในตัวเอง เรามีเขาที่คอยบอกว่าเรามีดีแค่ไหน เรามีคุณค่าสำหรับตัวเขามาเท่าใด

พี่บุ้งคอยบอกเราเสมอว่า “พี่บุ้งไม่ต้องการอะไรจากตัวหนูเลย แค่หนูมั่นใจและยืนด้วยตัวเองได้ พี่บุ้งโล่งใจแล้ว” นี่คือคีย์ที่พี่บุ้งพูดเสมอ ในวันที่เราหมดกำลังใจ

“ได้ขนาดนี้ก็เก่งแค่ไหน ไม่ต้องทำดีให้ใครรักก็ได้ พี่ขอให้บิ๊วได้เป็นตัวเอง” นี่คือคำพูดที่คนในสังคมตราหน้าว่าเป็นคนรุนแรงเอาแต่ใจ

แต่คนๆนี้ไม่เคยปล่อยให้คนที่ตัวเองรักต้องมาลำบาก ไม่เคยทิ้งให้น้องๆที่เขารักต้องทนทุกข์ใจ

พี่บุ้งเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตเราเสมอ เราจึงรู้อย่างลึกซึ้งว่าเขาเป็นคนยังไง

เป็นคนปากร้ายที่คอยดูดฝุ่นบ้าน ให้อาหารแมว แพ็คอาหารให้ แม้แต่ทำกับข้าว หรือหาความสบายใจให้น้องๆ พี่บุ้งทำทุกอย่างเพียงแค่คาดหวังว่าทุกชีวิตที่เขาดูแลจะมีต้นทุนไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องหวังอะไร

เขาเคยดูแลเด็กกลุ่มนึง โดยที่เราคัดค้านมากๆว่า
“ แค่ห้องเช่า ห้องนอน พี่ไม่ต้องดูแลขนาดนี้ก็ได้ ” แต่พี่บุ้งตอบเรามาว่า “พี่อยากให้เด็กๆได้อยู่ดีๆสมวัยของเขา ถ้าพี่ช่วยอะไรได้ พี่พร้อมช่วย” เราจึงไม่คิดว่าคนแบบนี้คือคนที่สังคมสมควรจะสาป

สิ่งที่เราควรตั้งคำถามมากที่สุดคือ ทำไมคนที่เห็นต่างแสดงออกที่แตกต่างต้องมาโดนคดีทางการเมือง

พี่บุ้งถูกจำคุกโดยคดีอาญามาตรา112 และการตัดสินในศาลที่ไม่เป็นกลางและเป็นธรรม

เราอยู่ในกระบวนการทั้งหมดที่ พี่บุ้งประสบเจอแล้วเรารู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย แต่สังคมยังคงผลักไสให้พี่บุ้งเป็นคนผิด ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบที่สังคมตัดสินเลย 

เราไม่ขออะไรมากแต่ขอให้ศาลมีความเป็นกลางและความเป็นธรรมมากกว่านี้

ตราบใดที่เรายังยืนอยู่ในหลักการ ผลของการกระทำจะเป็นตัวตัดสินว่าสิ่งที่เราทำมันถูกหรือผิด