วันอาทิตย์, มิถุนายน 11, 2566

ไม่เลวจริง ไม่กล้าทำ


Puangthong Pawakapan
11h
·
ไม่เลวจริง ไม่กล้าทำ
.....
Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส
15h
.
พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ได้ ส.ส. รวมมากที่สุดเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 14 ล้านเสียง แต่ก็เป็นไปตามคาด เส้นทางการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ใช่เรื่องง่าย เงื่อนปมสำคัญที่ขวางทางขณะนี้คือ การถือครองหุ้นสื่อไอทีวี ซึ่ง กกต.มีมติให้ไต่สวนกรณีต้องสงสัยพิธาถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด และเตรียมดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ฐานลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม
หากกรณีนี้พิสูจน์แล้วว่าพิธาถือหุ้นจริง และไอทีวีทำสื่อจริง ก็ถือว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกลกำลังเผชิญความเสี่ยงทางการเมืองคล้ายๆ กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังเลือกตั้งปี 2562
ไอทีวี ยุติการทำสื่อไปตั้งแต่ปี 2550 แต่ก่อนวันรับสมัครเลือกตั้ง 40 วัน ก็มีรายงานที่น่าสนใจว่า ไอทีวี กลับมาทำสื่ออีกครั้ง
ข้อมูลสำคัญที่อยู่ในเว็บไซต์ของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ไอทีวี ระบุงบแสดงสถานะทางการเงินของไอทีวี โดยจั่วหัวเป็นหมายเหตุประกอบงบการเงินแบบย่อ สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุด 31 มีนาคม 2566 (ยังไม่ได้ตรวจสอบ) หรือรายงานการเงินไตรมาสแรกของปีนี้ และระบุในช่วงต้นว่าหมดสัญญาการทำสื่อโทรทัศน์ตั้งแต่ปี 2550
ในข้อที่ 10 ส่วนท้ายของรายงาน มีข้อความว่า
“เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัทมีการนำเสนอการลงสื่อให้กับกิจการที่เกี่ยวข้อง และเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2566 มีมติรับทราบรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเป็นผู้ให้บริการลงสื่อโฆษณา”
เท่ากับว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำเสนอการลงสื่อ และต่อมากรรมการบริษัทก็ได้รับรู้ว่าบริษัทให้บริการลงสื่อโฆษณา ทั้งนี้ ยังไม่สามารถหาข้อมูลได้ว่า ตามเอกสารที่บริษัท อินทัช เปิดเผยออกมานั้น การลงสื่อให้กิจการที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ คืออะไร ลงให้กับใคร และจะก่อให้เกิดรายได้ในเชิงธุรกิจลักษณะใดบ้าง
ข้อสังเกตคือ การกลับมา ‘ทำสื่อ’ ของไอทีวี ภายใต้การถือหุ้นใหญ่ของอินทัช เกิดขึ้นหลังจากไอทีวียุติบทบาทการทำสื่อโทรทัศน์ไป 16 ปี ก่อนการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อ 4 เมษายนที่ผ่านมาเพียง 40 วัน และคณะกรรมการบริษัทร่วมรับรู้ว่าบริษัทเปลี่ยนรูปแบบมาให้บริการลงสื่อโฆษณาหลังวันรับสมัครเลือกตั้ง 3 สัปดาห์
อีกประการหนึ่งคงต้องดูว่า การกลับมารับเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณานี้ ทำในรูปแบบธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้จริงหรือไม่ หรือเป็นแค่การทำสัญญาจ้างกับกิจการที่เกี่ยวข้อง และรายงานงบการเงินฉบับนี้ก็บอกไว้ด้วยว่า ยังไม่มีการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะส่งต่อให้ทายาทรายอื่นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีหุ้นกองมรดกมีอยู่ทั้งสิ้น 42,000 หุ้น จาก 1,206,697,400 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 0.0035 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่มีอํานาจสั่งการให้บริษัทดําเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองและพรรคก้าวไกลได้ จึงต้องติดตามกันต่อว่า กรณีหุ้นไอทีวี จะเข้าข่ายการตีความว่าเป็นกิจการสื่อ และทำให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากการมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่
และเรื่องหุ้นไอทีวีที่กลายเป็นเผือกร้อนในมือ กกต. จะไม่ได้ส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของหัวหน้าพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่อาจมีส่วนเปลี่ยนฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยไปในทางที่ไม่มีใครคาดไว้ก็ได้
https://plus.thairath.co.th/topic/speak/103302
#ไทยรัฐพลัส #ThairathPlus #WeSPEAKtoSPARK #หุ้นไอทีวี #ไอทีวี #พิธาลิ้มเจริญรัตน์ #พรรคก้าวไกล