วันเสาร์, พฤษภาคม 27, 2566

บทเรียนจากชัยชนะของพรรคก้าวไกล ตอนที่ 1 นโยบาย ตอนที่ 2 ความเบื่อหน่ายต่อการเมืองแบบเก่า


The Opener
3d
·
บทเรียนจากชัยชนะของพรรคก้าวไกล ตอนที่ 1
ชัยชนะของพรรคก้าวไกลหาได้เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล ปัจจัยทั้งภายนอกและภายในตัวพรรคเองเป็นแรงหนุนที่ส่งให้พรรคก้าวไกลสามารถคว้าชัยชนะมาได้ในแบบที่เรียกว่าหักปากกาเซียนทั้งหลายเสียสะบั้น ยิ่งสำหรับพรรคก้าวไกลเองแล้วนี่หาได้เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการคาดหมายแต่อย่างไร หากแต่ต้องเอ่ยว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ไม่ว่าจะเป็นเพราะบุคลิกส่วนตัวของนายพิธาที่ดูจะมีลักษณะประนีประนอมและน่าดึงดูดใจกว่าแกนนำเก่าของพรรคอนาคตใหม่ ทั้งยังมีภาพลักษณ์ที่ตรงใจคนรุ่นใหม่และชนชั้นกลางทั่วไป และเพราะการวางตำแหน่งแห่งที่ของพรรคและวิธีการสื่อสารของพรรคเองที่ดู “สบายๆ” และเป็นมิตรกว่าเดิม ก็ล้วนมีส่วนที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีภาพลักษณ์ที่นุ่มนวลและน่าเข้าหามากขึ้นกว่าพรรคอนาคตใหม่เดิม แม้จะยังคงความแข็งกร้าวในจุดยืนของตนไว้ได้
เมื่อมาพิจารณาเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ย่อมเห็นได้ว่าพรรคก้าวไกลชูนโยบายที่ค่อนข้างแตกต่างไปจากพรรคการเมืองอื่นอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง พรรคก้าวไกลเป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่พรรคที่ประกาศเป็นนัยว่าไม่สนใจทำนโยบายประชานิยม (พรรคประชาธิปัตย์เป็นอีกหนึ่งพรรคใหญ่ที่ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในประเด็นดังกล่าว) หากพรรคก้าวไกลก็มีแนวทางของตัวเองในการ “ซื้อ” ใจผู้ลงคะแนนโดยเปลี่ยนถ้อยคำในการสื่อสารและไม่ใช้คำว่า “ประชานิยม”ให้ระคายหู ด้วยการมุ่งไปสู่การใช้คำว่า “สวัสดิการถ้วนหน้า” และการเปลี่ยนจากคำว่า“การสงเคราะห์” ไปให้เป็นเรื่องของ “สิทธิ”
เมื่อประกอบกับนโยบายอื่นๆ ของพรรคไม่ว่าจะเป็น การเสนอจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ การแก้ไขมาตรา 112 และการยกเลิกการเกณฑ์ทหารโดยเปลี่ยนให้ไปใช้ระบบความสมัครใจ รวมไปจนถึงการเสนอผลักดันให้ไทยเป็นเจ้าภาพสนับสนุนสิทธิมนุษยชนในระดับอาเซียน ทำให้มีการยกระดับภาพลักษณ์เชิงนโยบายว่าชุดนโยบายของก้าวไกลไม่เพียงจะสอดคล้องร้อยรัดและไม่ขัดแย้งกัน หากแต่ยังมีความสอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยที่มีความเป็นสากลในระดับนานาชาติ
แม้ว่านโยบายของพรรคก้าวไกลจะหาได้ “แรง” น้อยไปกว่านโยบายของพรรคอนาคตใหม่ แต่ด้วยการปรับวิธีการสื่อสารให้มีความชัดเจนและละมุนละม่อมขึ้นพร้อมไปกับการ “รีแบรนดิ้ง” พรรคอนาคตใหม่เดิมที่มีภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่ประกอบด้วยนักวิชาการ ปัญญาชน และคนรุ่นใหม่ที่ดู “หัวรุนแรง” ให้ดู “กลมกล่อม” และ “ละมุนละไม”ขึ้น ก็เปิดโอกาสให้พรรคสามารถโน้มน้าวผู้ลงคะแนนให้ “เปิดใจฟัง” ได้มากขึ้นกว่าเก่าจนสามารถขยายฐานเสียงของตนออกไปได้กว้างไกลกว่าชนชั้นปัญญาชนและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เป็นฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่เดิมโดยที่ยังไม่ได้เสียฐานเสียงเดิมของตนเองไปแม้แต่นิดเดียว
“ความชัดเจน” จึงกลับกลายมาเป็นจุดแข็งของพรรคก้าวไกลที่พรรคเองก็ไม่ลังเลที่จะใช้มันในการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของพรรคในการดึงดูดใจผู้ลงคะแนน การยืนหยัดและยืนยันในจุดยืนทางการเมืองและประชาธิปไตยของพรรคอย่างหนักแน่น และเป็นไปในทิศทางเดียวกันของสมาชิกในทุกครั้งที่ถูกตั้งคำถามอย่างไม่มีท่าทีลังเลให้เห็น กลับกลายมาเป็นจุดขายให้กับพรรคได้ในแบบที่ไม่มีพรรคใดเหมือน ความชัดเจนนำไปสู่ภาพลักษณ์ที่ “ตรงไปตรงมา”และ “จริงใจ” และนี่คือสิ่งที่เป็นความแตกต่างซึ่งทำให้พรรคก้าวไกลได้รับความนิยมนำพรรคอื่นๆ ไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
อ่านเนื้อหาทั้งหมด https://theopener.co.th/node/1627
#theOpener #พรรคก้าวไกล #เลือกตั้ง66 #พิธา #ณฐิญาณ์งามขำ
.....

The Opener
1d
·
คงไม่เป็นการกล่าวเกินไปว่าความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทยในการกำหนดตำแหน่งแห่งที่ และการวางนโยบายของพรรคคือปัจจัยเสริมอันสำคัญยิ่งที่ทำให้ก้าวไกลได้รับชัยชนะที่เหนือความคาดหมายเช่นนี้
ความผิดพลาดที่มาจากการพิจารณาภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปในทางการเมืองน้อยหรือยังไม่เข้าใจพอ การใช้วิธีการสื่อสารทางการเมืองแบบเก่าที่ตอบโจทย์ใหม่ไม่ได้ ประกอบกับความมั่นอกมั่นใจในฐานเสียงเก่าจนลืมมองความต้องการที่แท้จริงของประชาชนไปอย่างสิ้นเชิง
และปัญหานี้ของพรรคเพื่อไทยดูจะยิ่งหนักหน่วงยิ่งขึ้นในสมัยของการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566
ไม่รวมการแสดงความเห็นต่อสาธารณะจาก “คนไกล” อย่างอดีตหัวหน้าพรรคอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อาจทำให้คะแนนเสียงของพรรคร่วงหล่นไปในทุกครั้งที่มีการสื่อสารออกไปสู่ฐานเสียงเดิมของตน
กล่าวในแง่นี้ พรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท. ทักษิณ อาจลืมไปแล้วว่าจุดเริ่มต้นของการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท. ทักษิณอันยาวนาน ไม่ได้มาจากนโยบายที่แปลกใหม่และเห็นผลจับต้องอันเป็นรูปธรรมได้จากเมื่อยี่สิบปีก่อนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากความรู้สึกและความหวังประชาชนที่รักประชาธิปไตยและทนเห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไม่ได้
การเข้าสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทย จึงไม่ได้มาจากความนิยมในส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณน้อยไปกว่าการมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณตกเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมและการต่อต้านประชาธิปไตยในสังคมไทย และต้องการปกป้องเรียกร้องความยุติธรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะของ “เหยื่อ” และ “พลเมือง” คนหนึ่งไปพร้อมๆ กับที่เรียกร้องการกลับคืนมาของประชาธิปไตยด้วยเช่นกัน
ผลจากสมมติฐานข้างต้น ทำให้ไม่น่าแปลกใจ หากว่าพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะนายทุนพรรคจะถูกปฏิเสธจากฐานเสียงเดิมของตนในคราวนี้ ในเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่แสดงออกให้เห็นว่าตนเป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง
หาก “ความชัดเจน” คือจุดแข็งของพรรคก้าวไกลในการรณรงค์เลือกตั้งในครั้งนี้ “ความไม่ชัดเจน” ก็คือจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทยในทางกลับกัน
การประกาศ “ขอกลับบ้าน” ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ที่สื่อนัยยะของการจับมือกับชนชั้นนำและขั้วอำนาจเดิม กลับเป็นสิ่งที่ผลักผู้สนับสนุนบางส่วนให้หันหลังเดินสู่พรรคก้าวไกล และตัดสายสัมพันธ์ที่เคยมีต่อพรรคเพื่อไทยให้ขาดสะบั้นไปไม่มีเหลือ
เพราะไม่ใช่แค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยากกลับบ้านสู่อ้อมแขนของคนที่รักและครอบครัว ..
แต่ยังเป็นผู้ชุมนุมอีกหลายสิบคนที่สูญเสียไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมาอีกด้วย
อ่านเนื้อหาทั้งหมด https://theopener.co.th/node/1629
#theOpener #พรรคก้าวไกล #พรรคเพื่อไทย #ณฐิญาณ์งามขำ #เลือกตั้ง66