ไม่ยอมจบ หรือไม่ยักจบซะทีมาหลายวันแล้วนะ กระทั่งวันนี้ก็มีใส่กันไปใส่กันมาอยู่บ้าง แต่วงนอกส่วนใหญ่บอกให้ปักหลักคุยกันให้เป็นเรื่องดีๆ เสียที เดชะบุญ มีข่าวจาก @SAHINOP ว่านัดกันแล้ว อังคารที่ ๓๐ พ.ค.นี่ ตอนบ่ายสองครึ่ง
ซึ่ง Noppakow kongsuwan เสนอให้จัดตั้ง ‘คณะโฆษก’ จากทุกพรรคไว้คอยแถลงความคืบหน้า ตัดปัญหาการสื่อสารหลายกระแส อันทำให้เกิดการ ‘ปั่น’ ขึ้นมาได้อย่างที่เป็นอยู่ ถึงขั้นแฟนคลับเพื่อไทย นำโดย ‘เค เสื้อแดง’ นัดรวมตัวกดดันเพื่อไทย
“ยื่นหนังสือให้แยกตัวเป็นฝ่ายค้าน หลังเลือกนายกฯ เสร็จ ลั่นเรามีศักดิ์ศรีปล่อยให้ด้อมส้มเหยียบย่ำไม่ได้” ก็นี่ละ ผลพวงจากการใช้ ‘นางแบก’ โยนหินนำทางมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง น่าเห็นใจหัวหน้าพรรค ต้องมาตอบครั้งที่กว่า ๕๐๐ อยู่นั่น
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น และกำลังเกิดอยู่ ต้องเอาไปพินิจเป็นอุทธาหรณ์ รวมทั้ง ‘เฟคนิวส์ปั่น’ ทั้งหลายจากสองฝ่ายและพวกผสมโรง จนหลายอย่างคนทั่วไปไม่รู้ว่าอะไรแม่นอะไรมั่ว เช่นที่มาของ ‘วรรคเพิ่ม’ ในเอ็มโอยู และประเด็นที่ถูกตัดออกไป
การนิรโทษกรรมการเมือง เพื่อไทยไม่ต้องการอ้างว่าจะเป็นซ้ำรอย ‘เหมาเข่ง’ เสียชื่อเสียงต่อ ‘ทักษิณ’ กับที่เพิ่มให้สุดซอย ซึ่งต้องเก็บความจากที่หมอชลน่านให้สัมภาษณ์ ‘ว้อยซ์ทีวี’ ว่าตอนทำเอ็มโอยู “เพื่อไทยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนโยบายเลย
เพราะไม่ได้มุ่งเน้นตรงนั้น...เพียงแต่ดูว่าอะไรอยู่ในเอ็มโอยูแล้วจะทำให้ไม่สัมฤทธิ์ผลในการจัดตั้งรัฐบาล เราขอเอาออกนะ เช่น ข้อ ๑ ข้อ ๒ เราไม่สบายใจ เราบอกว่าเราขอสงวนสิทธิ์นะ ถ้ามีอะไรไปกระทบกับระบอบ...อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เพิ่มเติมจากที่เคยมีอีกว่า “ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ” แล้วย้ายไปไว้ในตอนอารัมภบทของเอ็มโอยู อันนี้ละที่ทำให้เกิดความสับสนมาก ตรงที่แรกหมอชลน่านอ้างว่าเป็นข้อเสนอจาก ศิธา ทิวารี ศิธาจึงเขียนโต้ว่า “จริงครึ่งเดียว”
ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส @PuneTreerat บอก ผมนั่งอยู่ในห้องประชุมตอนนั้น “เป็นจริงทุกอย่างว่า มีบางพรรคมีเงื่อนไขจนนาทีสุดท้าย และหาข้อยุติไม่ได้ จนต้องลบข้อนั้นออกไปทั้งข้อ ไม่งั้นจะสงวนสิทธิ์” กับที่ วันนอร์และสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ตรงกัน
“ในวันที่เซ็นเอ็มโอยู ไม่มีการพูดถึงตำแหน่ง #ประธานสภา” ขัดแย้งกับข้ออ้างของ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาฯ เพื่อไทย เรื่องแจ้งก้าวไกลไปแล้วล่วงหน้า ข้อโต้เถียงเหล่านี้รังแต่จะทำให้ความบาดหมางลึกเสียจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเป็นฝ่ายค้าน
นั่นทำให้ทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งกำลังแพร่อยู่ขณะนี้มีน้ำหนัก เรื่องว่ามีโทรศัพท์ถึงดูไบ ทำให้ลูกสาวต้องไปเยี่ยมพ่อระยะสั้นๆ กระทันหัน เพื่อเธอจะได้รับฟังข้อเสนอแนะเพื่อท่าน จากโทรศัพท์สายด่วนนั้น
(https://twitter.com/SAHINOP/status/1662134251909967872)