วันพุธ, มกราคม 11, 2566

น่าฟัง #VoicePolitics สัมภาษณ์พิเศษ 'พิธา' ถึงความพร้อมของพรรคก้าวไกลและตัวของเขาเองว่าจะสามารถฝ่าด่านกลไกที่ 'ระบอบเผด็จการ' ได้ฝังไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การผลักดันนโยบาย 'ก้าวหน้า' ที่หมายมั่นจะปักธงให้ได้ทั่วประเทศหรือไม่

https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/videos/1348485145948376
Voice TV posted a video to playlist Voice Politics.
January 8

ทรงอย่าง 'พิธา-ก้าวไกล' จังหวะมะม่วงสุก พร้อมปอก!

"ถ้าเกิดพรรคการเมืองมาจากประชาชนก็ต้องตายด้วยประชาชน ไม่ใช่ตายด้วยองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งเป็นองคาพยพของระบอบประยุทธ์"
.
'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในวัย 42 ปี ดีกรีพาณิชยศาสตร์และการบัญชีพาณิชยศาสตร์บัณฑิต (การเงินและการธนาคาร) เกียรตินิยมอันดับ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ่วงหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย HARVARD UNIVERSITY ประเทศสหรัฐอเมริกา และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต MASSACHUSETT INSTITUTE OF TECHNOLOGY ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
เขาเริ่มรับรู้และสัมผัสการเมืองไทยตั้งแต่อายุยัง 8-9 ขวบ กระทั่งเมื่อเรียนจบปริญญาตรีเขาได้เริ่มมาทำงานทางการเมืองในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ก่อนเดินทางไปศึกษาปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่มีการรัฐประหาร ปี 2549
.
แน่นอนว่าเขาได้สัมผัสวงจรอุบาทว์การเมืองไทยคือรัฐประหาร เมื่อปี 2549 แบบเต็มตา แม้ตัวเขาจะอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นห้วงที่คนไทยทั้งประเทศต้องเผชิญกับระบอบประยุทธ์ที่มาจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 'พิธา' ตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัวผ่านการชักชวน 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
.
พรรคอนาคตใหม่ กวาด ส.ส.มากที่สุดมาเป็นอันดับที่ 3 ได้ ส.ส.ทั้งประเทศ 81 เสียง และต่อมาต้องถูกทำลายด้วยการยุบพรรคอนาคตใหม่ ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563
.
'พิธา' พร้อมด้วย ส.ส.ที่ยังมีอุดมการณ์ "อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน' จึงนำคณะเข้าสังกัดพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่รับไม้ต่อจาก 'พรรคอนาคตใหม่'
.
'พิธา' ต้องถือธงนำพรรคเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ที่จะลงสนามการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566
.
#VoicePolitics นัดสัมภาษณ์พิเศษ 'พิธา' ถึงความพร้อมของพรรคก้าวไกลและตัวของเขาเองว่าจะสามารถฝ่าด่านกลไกที่ 'ระบอบเผด็จการ' ได้ฝังไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การผลักดันนโยบาย 'ก้าวหน้า' ที่หมายมั่นจะปักธงให้ได้ทั่วประเทศหรือไม่
.
อ่านต่อ https://www.voicetv.co.th/read/ze9HUK51Y
.....
Jom Petchpradab 
23h
เมื่อคุณกล้าที่จะยืนยันว่า เข้ามาเป็น ส.ส. แล้วพร้อมที่จะตายเพื่อประชาชน คนไทย ที่รู้และเข้าใจปัญหาการเมืองไทยและอยากเห็นการเมืองไทยก้าวหน้ายกมาตรฐานประเทศสู่ความเป็นอารยะและมาตรฐานสากล
คนไทยทั้งประเทศ ก็ควรที่จะกล้าใช้สิทธิ์ตัวเองเลือกตั้งเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นให้ได้ ไม่ควรใช้กรอบคิด แบบเดิมในการเลือกตั้งนักการเมืองแบบเดิมๆ พรรคการเมืองเดิมๆเพราะสุดท้ายเราก็จะได้การเมืองแบบเดิม ที่ต้องให้มาต้องมานั่งด่า นังปวดกระบาลกับนักการเมืองที่ขาดความกล้าหาญและหน้าไหว้หลังหลอกแบบเดิม ๆ หยุดเสียที และพอกันทีเหอะ หากประชาชนไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยอำนาจทางการเมืองของตัวเอง ก็อย่าหวังที่จะเห็นนักการเมืองที่กล้าหาญที่พร้อมจะตายเพื่อประชาชนได้อีกต่อไป
เพราะไม่มีใครกล้าเสียสละเพื่อคุณหากพวกคุณเองไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของคุณเองตั้งแต่แรก
.....


‘พิธา’ ชี้ เลือกตั้งครั้งนี้สำคัญ ประชาชนต้องเลือกระหว่างอดีตกับอนาคต ปฏิเสธพรรคสืบทอดอำนาจ ทั้งพรรคประยุทธ์-พรรคประวิตร ย้ำ กาก้าวไกล ประเทศไม่เหมือนเดิม แนะ นายกฯ แข่งขันการเมืองแฟร์เพลย์-ร่วมเวทีดีเบต-ยื่นบัญชีทรัพย์สิน

วันที่ 10 มกราคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า จริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก เป็นนักการเมืองตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจใช้กำลังยึดอำนาจการเมืองการปกครองของประเทศแล้ว ที่แย่ก็คือท่านเป็นนักการเมืองที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย ในขณะนั้นประชาชนเลือกอะไรไม่ได้เพราะถูกใช้กำลังบังคับข่มเหง
แต่ในเมื่อตอนนี้ ท่านแสดงเจตนารมณ์จะอยู่ต่อให้นานที่สุดเช่นนี้แล้ว ก็เป็นอำนาจของประชาชนที่จะสามารถพิพากษาเอาท่านออกจากการเมืองได้โดยกลไกที่สงบและเรียบง่ายที่สุด นั่นก็คือการลงคะแนนเลือกตั้ง

พิธากล่าวว่า ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญมาก นั่นคือประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมออกไปจากการเมือง และยืนยันหลักประชาธิปไตย โดยการไม่เลือกพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ อย่างพรรคสังกัดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐประหาร และถึงเวลาแล้วที่ท่านในฐานะนักการเมืองจะมาแข่งขันกับนักการเมืองด้วยกันแบบแฟร์เพลย์ ไม่ใช้เทคนิควิธีการหรือช่องโหว่ที่ตัวเองร่างกฎหมายมาเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบมากกว่านักการเมืองคนอื่น และต้องเปิดกว้างต่อการตรวจสอบสาธารณะ ไปร่วมทุกเวทีดีเบตประชันนโยบายและจุดยืนการเมืองให้ประชาชนได้เปรียบเทียบกับพรรคอื่นๆ อย่างรอบด้าน ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้โปร่งใส ตอบคำถามของสังคมให้กระจ่างชัดในหลายกรณีทุจริตที่เกี่ยวพันกับรัฐบาลของท่านและตัวท่านเองด้วย

พิธากล่าวต่อว่า ลึกกว่านั้น หากเราพิจารณาจากเนื้อในของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ก็เห็นได้ชัดว่าท่านอยากให้ประเทศไทยไปต่อแบบเดิม แต่พวกเราก้าวไกลอยากเห็นประเทศไทยที่ดีกว่านี้ เราอยากเห็นการเมืองที่เปิดกว้างมากกว่านี้ เราอยากเห็นประเทศไทยที่ไม่ล้าหลัง ไม่คดโกง เอื้อประโยชน์พวกพ้องแต่ไม่สนใจคนส่วนใหญ่ เอื้อแค่กลุ่มทุนใหญ่และทุนผูกขาด ไม่เปิดโอกาสให้คนรุ่นหลัง เราไม่อยากเห็นเมืองไทยที่เลือกปฏิบัติ เหยียดเพศ มองคนไม่เท่ากัน ไม่อยากเห็นกองทัพพาณิชย์ละเมิดประชาชน ไม่อยากเห็นกฎหมายรังแกคนเล็กคนน้อย ไม่อยากเห็นรัฐราชการรวมศูนย์ ไม่อยากเห็นประเทศที่ปล่อยประชาชนทนทุกข์ไปตามยถากรรม ไม่อยากเห็นประเทศไทยที่เหลื่อมล้ำต่ำสูง และไม่อยากเห็นประเทศไทยในวงจรอุบาทว์รัฐประหาร

“การเลือกตั้งครั้งนี้จึงยิ่งสำคัญไปอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือการเลือกระหว่าง ’อดีต’ และ ‘อนาคต’ ถ้าคุณอยากให้ประเทศไปต่อแบบเดิม ประยุทธ์-ประวิตรคือทางเลือก แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นและศรัทธาในวิถีก้าวไกล ทางรอดทางเดียวของประเทศก็จะไม่ใช่การไปต่อแบบเดิม แต่คือการต้องสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ให้สำเร็จจงได้ ดังนั้น กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ

ที่มา มติชนสุดสัปดาห์
10 มกราคม พ.ศ.2566
https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_639947