แวบๆ ว่าร้าน ‘สิริวัณณวรี’ จะขายแล้วละ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งโวยวายหรือฟูมฟายกันไป นัยว่าที่ขายนี่เพราะดังมากแล้ว ขายเอากำไรเหมือนกับสตาร์ทอัพเจ๋งๆ ทั้งหลายสมัยนี้ ขายให้ทุนใหญ่เอาไปต่อยอด ได้เงินมาเต็มไม้เต็มมือแล้วไปคิดค้นนวรรตกรรมใหม่ต่อ
แบบนี้นายกฯ ตู่คงยิ้มแฉ่ง ใช้เป็นหน้าเป็นตาส่งเสริมนโนยายสนับสนุนสต๊าร์ทอัพ ที่ประกาศไว้สำหรับรัฐบาลหน้า การนี้ถ้าไม่มีเจ้าสัวรายใดรายหนึ่งรีบคว้า หลังจากที่รัฐบาลคว่ำ ‘สุราก้าวหน้า’ แล้ว ผันงบประมาณที่เตรียมไว้ต่อสู้ ‘คร้าฟฯ’ มาใช้ได้
ก่อนอื่น ชวนกันไปดูศักยภาพแบรนด์ #SIRIVANNAVARI เสียหน่อย ไว้เป็นกรณีศึกษา ซึ่งต้องขอบคุณ พูติกาล @SaiSeeMaP คุ้ยเอาไว้ ในเมื่อสำนักอิศราไม่เล่น ที่น่าสนใจแม้นว่าแบรนด์นี้เป็นของหญิงกบโดดๆ กลับปรากฏว่ามี ‘นางสนอง’ ไว้รับ ‘damages’ ของกิจการ
นอกจาก “ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยภาครัฐด้วยเงินภาษีมาตลอด” แล้วยังเป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในชื่อแบรนด์ “แต่ปี ๒๕๖๒ เป็นต้นมา เริ่มพบชื่อบริษัทหนึ่งปรากฎในหน้าสื่อร่วมกับชื่อ SIRIVANNAVARI อยู่บ่อยๆ”
จึงมีการไปส่องดู ‘บริษัท ไอริส 2005 จำกัด’ ก็พบว่า “ผู้บริหารบริษัทก็มักจะเป็นข่าวในงานแถลงข่าวของร้าน SIRIVANNAVARI ร่วมกับท่านหญิงอยู่เป็นประจำ” ทำให้เขาเชื่อว่าน่าจะ “มีความเกี่ยวข้องกัน” เนื่องจาก ‘พระเจ้าลูกเธอฯ’ ทรงเป็นกรรมการบริษัทหมายเลข ๑
“น่าสนใจว่า เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เพียงผู้เดียวก็มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัท ทำให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือกิจการบริษัท ยกเว้นกรณีในเอกสารยื่นต่อส่วนราชการ” อาจให้ มล.ทรงลักษณ์ สวัสดิวัตน์ หมายเลข ๒ กับ นส.รติรส ภู่วิภาดาวรรธน์ หมายเลข ๓ รับไป
แต่ก็มีกรรมการบริษัทอีก ๑ คน (ในจำนวนทั้งหมด ๖ คน) ที่พูติกาลบอกว่า ‘น่าสนใจ’ คือ พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ “ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจีน จบ ป.เอก จาก ม.ปักกิ่ง เป็นอาจารย์ที่นิด้าจนถึงปี ๒๕๖๔ หลังจากนั้นก็ได้ผันตัวไปทำงานการเมืองเต็มตัว”
เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา “และล่าสุดในปี 65 #พัชรินรุจา ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรค #รวมพลัง” เขาว่าถ้าชื่อพรรคไม่คุ้น ต้องดูชื่อเดิม “#รวมพลังประชาชาติไทย ที่เคยมี #เทพเทือก เป็นมาสคอตน่าจะรู้จักกันดี”
บริษัท ‘ไอริส’ นี้เข้าไปบริหารกิจการ “จำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น อย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ เป็นต้นมา ก่อนหน้านั้นระบุในใบจดทะเบียนก่อตั้งเมื่อปี ๖๐ ว่า “มีจุดประสงค์เพื่อทำกิจการที่จอดรถ” ทุนจดทะเบียนตอนนั้น ๒ ล้านบาท
กิจการแบรนด์สิริวัณณวรีดีวันดีคืน “โดยรายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากประมาณ ๓๐ ล้านบาทในปี ๖๒ เป็นประมาณ ๔๐ ล้านบาทในปี ๖๔” และมีกำไรสุทธิได้ทุกปี อัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ ๓๐–๓๕% และ อัตรากำไรสุทธิอยู่ประมาณ ๑–๑.๕% สม่ำเสมอ”
ถ้าจะดูสินทรัพย์ตอนมาทำแบรนด์ SIRIVANNAVARI “มีการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในปี ๖๒ ทำให้มีมูลค่า ที่ดิน อาคารฯ เพิ่มเป็น ๑๓.๘ ล้านบาท” หรือจะดูที่ ‘หนี้สินหมุนเวียน’ ปีเดียวกัน “เพิ่มขึ้นกว่า ๔ เท่าจาก ๑๑ ล้าน เป็น ๔๕ ล้าน” โดยไม่มีการเพิ่มทุน
เขามีข้อสงสัยติดปลายนวมนิดเดียวว่า “ร้าน SIRIVANNAVARI เปิดมาสิบกว่าปีแล้ว” ไอริส ๒๐๐๕ เพิ่งมาจับงานเมื่อปี ๖๒ แล้วก่อนหน้านั้นบริษัทอะไรทำ เขายอมรับ “จนปัญญา” เพียงแต่เมื่อก่อนเคยกูเกิ้ลเจอว่าโทรศัพท์เบอร์เดียวกับ “ASAVA ก็ไม่รู้ว่าทำไม”
(https://twitter.com/SaiSeeMaP/status/1588536774363869185 และ https://p-saiseema.medium.com/sirivannavaris-company-9c68b4df31c)