วันศุกร์, พฤศจิกายน 04, 2565

ตำรวจทำตัวลับๆ-เกสตาโปไทย


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
13h

1 พ.ย. 2565 “บอส” (นามสมมติ) นักกิจกรรมกลุ่ม “กอผือรื้อเผด็จการ” และอาสาสมัครเครือข่ายลุ่มน้ำโขง อีสาน วัย 28 ปี ให้ข้อมูลกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า เย็นวานนี้ หลังจากเขาไปลงพื้นที่ต่างอำเภอเป็นเวลาหลายวัน กลับมาถึงบ้านที่อยู่ในอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เขาได้รับการบอกเล่าจากญาติว่า
.
เมื่ออาทิตย์ก่อนคือในวันที่ 23 ต.ค. 2565 ช่วงบ่าย มีชายใส่เสื้อยืดแขนยาวมีฮู้ด กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบ พร้อมสวมหมวกกันน็อค ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านรั้วบ้าน และผ่านบ้านหลังใหญ่เข้าไปด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่พักส่วนตัวของบอส ก่อนขับกลับออกมาในเวลาไม่นาน ผ่านบ้านหลังใหญ่อีกครั้งและออกนอกรั้วกลับไปบนถนนแล้วขับหายไป
.
🧔‍อาที่มองเห็นชายคนนั้นจากด้านนอกไม่ประหลาดใจ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่บอสทำเป็นปกติ ซ้ำชายคนดังกล่าวยังมีลักษณะคล้ายบอส แต่งกายก็เหมือนกัน ทั้งหมวกกันน็อคและมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ต่างกัน แต่เมื่ออาถามน้องสาวของบอสว่า บอสกลับมาบ้านแล้วใช่มั้ย น้องสาวตอบว่า บอสไม่ได้กลับมาบ้าน
.
ส่วนป้าซึ่งอยู่ที่บริเวณบ้าน คิดว่าเป็นเพื่อนของบอสมาเอาของหรือมาเยี่ยมบอสเหมือนเช่นปกติ เมื่อขึ้นไปดูบนบ้านไม่เห็นบอสก็ลงมาแล้วขับรถออกไป โดยขณะลงจากรถขึ้นไปบนบ้านชายคนดังกล่าวไม่ได้ถอดหมวกกันน็อคเลย
.
บอสเองเมื่อได้ฟังเรื่องดังกล่าวก็ได้สอบถามกับน้องในกลุ่ม “กอผือรื้อเผด็จการ” รวมถึงเพื่อนว่า มีใครมาหาเขาในวันนั้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่พบว่ามีใครมา บอสกล่าวว่า ถ้าเป็นเพื่อนที่เดินทางมาจากที่อื่นก็จะต้องทักมาถามเขาก่อนว่า อยู่บ้านมั้ย ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่ามีใครทักถามมา
.
เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนรู้จัก บอสเริ่มสงสัยว่า ชายคนดังกล่าวเป็นใคร มีวัตถุประสงค์อะไรที่ทำตัวคล้ายบอส และเข้าไปที่บ้านในเวลานั้น
.
การสอบถามน้องในกลุ่ม ทำให้บอสได้ทราบอีกว่า ก่อนหน้าวันที่ชายคนนั้นขับรถเข้าไปที่บ้านเขา 1 วัน ผู้ใหญ่บ้านได้โทรมาสอบถามกับย่าของ “บอล” (นามสมมติ) ทำนองว่า บอลอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ โดยบอกว่าตำรวจประสานมา ต้องการรู้ข้อมูลของบอล คาดว่าเป็นตำรวจในพื้นที่คือ สภ.บ้านผือ
.
เมื่อปะติดปะต่อสองเหตุการณ์เข้าด้วยกัน ทำให้บอสค่อนข้างแน่ใจว่า ชายที่มาบ้านเขาเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ เขานึกดูถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ บอสก็นึกไปถึงกำหนดการมาบึงกาฬในวันที่ 28 ต.ค. 2565 ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ยังไม่มั่นใจ เพราะการคุกคามดูห่างจากวันที่ประยุทธ์มาหลายวัน บอสนึกขึ้นได้อีกว่า มีน้องเล่าว่า ราววันที่ 25 ต.ค. 2565 เส้นทางเข้าตัวเมืองอุดรฯ มีการปิดถนนแบบมีขบวนเสด็จ เมื่อค้นดูข่าวจึงพบว่า มีหมายกำหนดการของพระเทพฯ เสด็จมาถวายผ้าพระกฐินสภากาชาดไทยที่วัตธาตุสว่างโนนยาง อำเภอเมืองอุดรฯ ในวันที่ 25 ต.ค. 2565 จริงๆ
.
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บอสรู้สึกกังวล เพราะวิธีการที่ตำรวจเข้าไปที่บ้านเขาแบบนั้น คล้ายกับว่าตำรวจรู้ว่า ใครจะเข้าออกบ้านเขายังไงก็ได้ คนที่บ้านจะไม่ซีเรียสหรือรู้สึกผิดสังเกตกับคนที่ขับรถเข้าไป เพราะปกติก็มักจะมีน้องในกลุ่ม ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปหาบอสเป็นประจำอยู่แล้ว ตำรวจจึงเลือกใช้วิธีนี้เข้าไปหาหรือเข้าไปเช็คว่าเขาอยู่บ้านหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่เจ้าหน้าที่รัฐควรจะใช้ เขาคิดว่าหากตำรวจต้องการติดต่อหรือทราบข้อมูลของเขาควรแสดงตัวอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่ใช่ใช้วิธีที่ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยเช่นนี้
.
นอกจากการถูกติดตามจากตำรวจในครั้งนี้ บอสเล่าว่า งานอาสาสมัครเครือข่ายลุ่มน้ำโขง อีสาน รวมทั้งกิจกรรมที่เขาทำกับกลุ่มกอผือรื้อเผด็จการ ซึ่งเคลื่อนไหวทั้งในประเด็นสิ่งแวดล้อม และประเด็นปัญหาที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากโครงการของรัฐในพื้นที่ จ.อุดรธานี นอกเหนือไปจากการเรียกร้องประชาธิปไตยร่วมกับกลุ่มอื่นๆ ทั่วประเทศ ทำให้เขาต้องเดินทางลงไปในพื้นที่ปัญหาต่างๆ เป็นประจำนั้น ระยะหลังเขาสังเกตว่า ช่วงที่เขาลงพื้นที่สัมปทานเหมืองแร่โปแตชอุดรฯ ก็จะถูกติดตามจากคนของบริษัทที่ได้รับสัมปทานด้วย ยิ่งมาถูกติดตามโดยตำรวจด้วยวิธีการที่ไม่ปกติ โดยที่เขาเองไม่ได้เตรียมการจะไปแสดงออกอะไร ไม่รู้แม้กระทั่งกำหนดการ ทำให้บอสรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น
.
รวมถึงก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา “อาร์ม” สมาชิกอีกคนของกลุ่มกอผือรื้อเผด็จการ ก็ถูกตำรวจตามประกบตลอดเวลาขณะไปร่วมงานรับปริญญาของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ทั้งที่อาร์มตั้งใจไปแสดงความยินดีกับรุ่นพี่เท่านั้น เหตุการณ์ที่บอส บอล และอาร์ม เจอจึงคาดหมายได้ว่าสมาชิกของกลุ่มกอผือรื้อเผด็จการตกเป็นเป้าหมายการติดตามของเจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำเป็นเพียงการใช้เสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงออกและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
.
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/50239