เขาบอกว่า “ขอยืนหยัดร่วมกับประชาชนไต้หวัน” ต่อการคุกคามของประเทศจีนบนแผ่นดินใหญ่ “ไม่มีประเทศไหนควรจะเข้าไปยึดครองแผ่นดินอื่นด้วยกำลัง เมื่อเขาไม่ยินยอมพร้อมใจ...ทำไม่ได้ ผมว่านะ นี่เรามีสงครามไม่พออีกหรือ”
เขาอาจจะพูดด้วยหลักการและจุดยืนทางอุดมการณ์ แต่มันคล้องจองกับอุบัติการณ์อาทิตย์หน้า ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิค ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ หนึ่งในสามการประชุมนานาชาติในภาคพื้นเอเซียอาคเนย์เดือนนี้
มีการตกแต่งทั้งถนนหนทางและทัศนียภาพบริเวณรอบๆ ศูนย์ประชุมฯ อย่างเห็นได้ชัดว่าจัดทำเฉพาะงานเดียว พอนักข่าวถามผู้ว่า กทม.ว่าจะมีการจัดระเบียบหาบเร่ทั่วไปด้วยไหม ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ตอบว่า เราไม่ทำอะไรแบบ ‘ผักชีโรยหน้า’
งัดเอา พรบ.ชุมนุมสาธารณะออกมาใช้ มอบหมายให้ตำรวจตรวจสอบอย่างเข้มงวดบริเวณรายรอบสถานที่ประชุม “ตามนัยมาตรา ๕ และมาตรา ๘ (๕)” นอกจากศูนย์ประชุมสิริกิติ์ที่ห้ามทำกิจกรรมใดๆ โดยเด็ดขาดแล้ว ยังมีการระบุเป็นพิเศษ
“สถานที่พำนักผู้แทนประเทศในการประชุมฯ” ๑๙ แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ บางคนบอกว่าอย่างนี้เป็นการ ‘ชี้เป้า’ ให้ง่ายต่อผู้คิดก่อการร้าย บ้างว่านี่เป็นความไร้เดียงสาของฝ่ายรักษาความมั่นคง เป็นห่วงเสียหน้ามากกว่าความปลอดภัยของแขก
ไบเด็นกับปูตินอาจจะคำนึงถึงข้อนี้ ขณะความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศของทั้งสองกำลังร้อนเร่า อีกทั้งชื่อเสียงไทยที่ผ่านมาเป็นตลาดมืดให้มิจฉาชีพต่างชาติ อาจทำให้ผู้นำบางประเทศขอยกเลิกการเดินทางเพิ่มอีกก็ได้
(https://www.fm91bkk.com/fm139314, https://link.medium.com/tChbZ0aFTub และ https://asia.nikkei.com/Editor-s-Picks/Interview/Thai-opposition-leader-defends-Taiwan-vows-support-for-Myanmar)
