วันศุกร์, พฤศจิกายน 04, 2565

สองรองนายกฯ ตอบกระทู้ #ขายที่ดินให้ต่างชาติ คนละทาง คนคุมกรมที่ดินแบ่งรับแบ่งสู้ แต่คนคุมพลังงานกร้าว

“คงไม่ทบทวนอะไร” รองนายกฯ คุมกระทรวงพลังงานยืนยัน #ขายที่ดินให้ต่างชาติ แม้นว่า ป.ป็อก รองนายกฯ มหาดไทยครอบคลุมเรื่องที่ดิน บอก “ถ้าประชาชนไม่สบายใจ พร้อมคว่ำกฎหมายนี้” เชื่อใครดีทั้งที่ต่างอ้างอิงกฎหมายเก่า ๒๐ ปี

เอาที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พูดในสภาฯ ก่อน ตอนตอบกระทู้สด ส.ส.สารคามพรรคเพื่อไทย ที่บอกกฏกระทรวงที่ออกมาทำให้ประชาชนวิตก เพราะ “ไม่ต่ำกว่า ๘๐% ยังไม่มีที่ดินของตนเอง” แล้วให้ต่างชาติมาถือครองได้ถ้าลงทุน ๔๐ ล้าน ไม่แฟร์

สุทิน คลังแสง อภิปรายด้วยว่า เมื่อปี ๔๒ “ก็มีกฎหมายขายชาติในทำนองเดียวกันออกมาถึง ๑๑ ฉบับ แต่เป็นเพราะถูกบังคับด้วยเงื่อนไขของหนี้ IMF” แล้วตอนนี้มีเหตุหนักหนาสาหัสใด ต้องมาขายกันอีก ก็คงทำให้ ป.ป็อกหน้าม้านพอประมาณ

จึงตอบว่า “ไม่มีใครคิดจะมาให้เขาครอบครองที่ดินอย่างที่เกรงกลัว เพราะได้เตรียมออกระเบียบรองรับไว้แล้ว จะไม่อนุญาตให้ซื้อที่ดินติดกันมากผิดปกติ และอาจมีการเพิ่ม “ขั้นตอนที่ยากกว่าเดิม และไม่แน่ว่าร่างกฎหมายนี้อาจจะล้มในที่ประชุม ครม.ด้วยซ้ำ”

ทว่า สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ กลับเล่นบทกร้าว ตอบกระทู้สดพรรคก้าวไกล อ้างว่าประเทศอื่นเขาก็ทำกัน ส่วนของเรา ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ” พูดยังกะสวมวิญญานผู้พิพากษาไม่ให้ประกันคดี ๑๑๒ นั่นเลย

สาระที่ว่านั่นคือกฎหมายปี ๔๕ ซึ่งอนุพงษ์แจงว่า “ต้องออกกฏกระทรวงมาปรับใหม่ให้รัดกุมกว่าเก่า จำกัดเวลาให้ที่ดินแค่ ๕ ปี ขณะที่กฎกระทรวงเดิมนั้นไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาหมดอายุไว้” อันนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ จะจะ จังจัง

รมว.พลังงานคิดแต่ตัวเงินที่คาดว่าต่างด้าวจะเอาใช้จ่ายในประเทศเรา เขานับตัวเลขถ้าได้คนมาลงทุนเพราะหวังครองที่ดินสัก ๑ ล้านคน “คนเหล่านี้จะมาใช้จ่ายในเมืองไทย ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน เราก็จะมีเงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศไทย ๑ ล้านล้านบาท

ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับนโยบายชักนำนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย ด้วยที่ดินสวนหย่อมไม่กี่ตารางนิ้ว ถ้าเป็นระยะสั้นเพียงเช่าครั้งคราว หากอยู่ยาวเป็นปีก็เช่าซื้อมีสัญญาผูกมัด ใครติดใจมากซื้อขาดอยู่อย่างถาวร เหล่านี้ล้วนใช้จ่ายเดือนละเป็นแสนเหมือนกัน

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_7346469 และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/pfbid02KktE)