เข้าสงกรานต์ รัฐบาล ‘สองประ’ ยุทธวิตร โล่งใจไปได้หลายวัน อะไรต่อมิอะไรคงเพลามือลงบ้าง ไม่ต้องสรรหาถ้อยคำแก้ตัวให้เหม็นเบื่อ แต่เชื่อสิ ไม่พ้นช่วงสงบเงียบของวันหยุดยาว เมื่อมนุษย์เงินเดือนและแรงงานกลับภูมิลำเนา ปัญหาน่าสพรึงรออยู่
จากรายงานสถานการณ์โควิด-๑๙ วานนี้ พี้คอีกแล้ว คนตาย ๙๘ ติดเชื้อเพิ่ม ๔ หมื่น ๗ พัน (รวม ‘เอทีเค’) สืบเนื่องมาแต่เมื่อต้นอาทิตย์ (๔ เมษา) เมื่อมีผู้เสียชีวิต ๙๗ คน “เป็นเด็ก ๒ คน คนแรกอายุ ๔ เดือน อีกคนอายุประมาณ ๑๐ ขวบ”
ซึ่ง นพ.จักรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา แสดงความกังวลว่า “เมื่อตรวจสอบการติดเชื้อในกลุ่มเด็ก ๐๔-๑๔ ปี แยกเป็นระลอกเดลตา เดือน เม.ย.๖๔ กับระลอกโอมิครอน เดือน ม.ค.๖๕ ทำให้เริ่มพบเด็กป่วยอาการหนักและเสียชีวิตมากขึ้น”
เป็นเทร็นด์ที่คาดหมายกันไว้แล้ว แต่ก็ยังหวังไม่ได้ในทางแก้ อาจจะเพราะเจ้ากระทรวงสาธารณสุขมัวแต่ไปโชว์ ‘ส้มตำกัญชา’ หรือว่าพวกหมอๆ ที่ได้รับรางวัลกัน ไม่ค่อยได้ทำอะไรในเมื่อทุกอย่างถูกจัดวางไว้หมดแล้ว แม้เห็นชัดว่าไม่ได้ผล
ดังกรณีที่กำลังเป็นปัญหาหนัก เกี่ยวกับยารักษาผู้ติดเชื้อ ซึ่งติดกันมากพอๆ กับคราวพี้คระลอกก่อนรุ่นเดลต้า เพียงแต่พี้คนี้คนตายยังแค่ครึ่งของพี้คโน้น แต่ก็น่าจะไล่ทันในไม่ช้า ถ้าความเหลวไหลลักลั่นยังเป็นอยู่เช่นเดี๋ยวนี้
จากทวี้ตของหมอ manopsi@manopsi ที่ว่าโควิดรอบนี้ คนที่ติดเชื้อแม้ได้ฉีดวัคซีนแล้ว ๓ เข็ม และไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง “ผมไม่แนะนำทั้งฟ้าทลายโจรและ favipiravir เพราะไม่เคยพิสูจน์ว่าได้ประโยชน์จริง เสี่ยงผลข้างเคียง” เขาอ้างสังเกตุการณ์ของ นพ.บันดาล ซื่อตรง
“ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาที่คิดค้นที่ประเทศญี่ปุ่นมาเพื่อใช้รักษาไข้หวัดใหญ่...อย่างไรก็ตาม ผลในหลอดทดลองเมื่อนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิดจริงๆ กลับไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร” มีผลงานการศึกษาประสิทธิภาพตีพิมพ์แล้วมากมาย
“พบว่ามีผลการศึกษาไปในทิศทางเดียวกันทุกการศึกษา คือยาฟาวิพิราเวียร์ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิดเลย ทั้งกรณีที่อาการน้อย หรืออาการปานกลางถึงรุนแรง” ทำให้ญี่ปุ่นยกเลิกการใช้ยานี้ไปแล้ว แต่ไทยยังตะบี้ตะบันใช้ต่อไป
น่าจะเป็นเพราะสั่งมาไว้เยอะ ต้องใช้ให้หมดก่อนซื้อของใหม่ แบบเดียวกับวัคซีนซิโนแว็ค เกรงใจคนขายเขา หรือไม่ก็กลัวนายหน้าดุเอา หมอบันดาลบอกว่าอินเดียก็เคยใช้ แต่ยกเลิกไปแล้วเหมือนกัน ที่เหลืออยู่อาจเป็นซาอุฯ กับคูเวต
ยาที่หมอบันดาลแนะนำว่าดีกว่าฟาวิฯ แน่ๆ ได้แก่ Remdesivir, Paxlovid, Monulpiravir, Monoclonal antibody ที่เหมาะกับผู้ติดเชื้อ “ในกลุ่มที่มีอาการน้อย แต่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น” ก็ยังดีกว่าฟาวิฯ หรือฟ้าทลายโจร
แต่นั่นแหละ ฝ่ายสาธารณสุขทั่นยังมองไม่เห็น มัวแต่เคลิบเคลิ้มใหลหลงกับกํยชงกัญชาและฟ้าทลายโจร ไว้หายพี้ก่อน เดี่ยวค่อยว่ากัน
(https://www.facebook.com/717891069/posts/10159673526486070/ และ https://news.ch7.com/detail/560741ZELQRk)