วันพุธ, กุมภาพันธ์ 03, 2564

'จุลเจิม' อีกแล้ว จวกผู้พิพากษาให้ประกันคดี ๑๑๒ "ระดับนี้ปูนนี้ ขาดจิตสำนึกวิญญูชน ไม้แก่เกินดัด ในรัชกาลนี้เห็นมีถูก ‘ซ่อม’ กันอยู่หลายราย"


จะว่าพม่าดีกว่าไทยหน่อยนึงตรงที่มีรัฐประหารแย่งอำนาจรัฐบาลเลือกตั้งเหมือนกัน แต่ไม่มีคดีหมิ่นกษัตริย์ไล่ปักหลังคนเห็นต่าง ถ้าไม่นับความโหดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนมุสลิม ซึ่งไทยก็ไม่น้อยหน้า เหี้ย มเหมือนกัน มีอุ้มฆ่าพวกต่อต้านสถาบันฯ

ขณะที่คณะยึดอำนาจพม่าร้องเพลง ขอเวลาอีกไม่นาน อ้างปีนึง (ไม่มีใครเชื่อ) เพื่อกระชับความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของพวกตน เอาอย่างเผด็จการทหารไทย ในราชธานีรัตนโกสินทร์ก็มีการโถม ป.อาญามาตรา ๑๑๒ โหมใส่ฝ่ายการเมืองที่คอยกระตุกจี้นิสัยมูมมาม

แกนนำ ราษฎร นักชุมนุมโดนข้อหาไปแล้วเป็นสิบๆ บางรายโดนกันคนละนับสิบ ชนิดถ้าตัดสินจำคุกก็ไปจบเอาชาติหน้า ถ้าไม่ถึงเจ็ดชั่วโคตร ตอนนี้มีขมีขมันเล่นงานหัวหน้า พวก ฝ่ายค้าน ล่าสุด นักร้อง คนเดิม ยื่นฟ้องยุบพรรคใหญ่ฝ่ายค้านอีกครั้ง

คราวนี้ผู้ถูกร้องไม่รีรอ พรรคก้าวไกลประกาศฟ้องสวนกลับนาย ณฐพร โตประยูร ทันควันในฐานความผิดแห่งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับพรรคการเมือง ด้วยเหตุที่นักร้องผู้นี้ “กล่าวหาความเท็จซ้ำซากต่อพรรคการเมือง”

ครั้งที่แล้วณฐพรฟ้อง ๑๑๒ พรรคอนาคตใหม่ด้วยเรื่องไร้สาระว่าเป็นขบวนการอิลูมินาติ แต่พอดีศาลรัฐธรรมนูญไม่ยอมตกร่องที่เขาล่อไว้ ตัดสินว่า อนค.ไม่ผิด คราวนี้ณฐพรเอาอีก อ้างมั่วซั่วว่าพรรคก้าวไกลไปปรากฏตัวในที่ชุมนุมบ้าง

ส.ส.ของพรรคใช้ตำแหน่งประกันตัวพวกนักเรียนที่โดนตำรวจเอาข้อหาล้มเจ้าปักหลังบ้าง เห็นชอบกับข้อเสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ร่วมกับประชาชนนับหมื่นคนบ้าง เหล่านั้นล้วนเป็นพันธะหน้าที่ในฐานะ ผู้แทนราษฎร

ซึ่ง ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลล้วนชี้แจงกระจ่างทั้งสิ้น ว่าเป็นการไปรับฟังความคิดเห็นของประชากร ช่วยประกันสิทธิพื้นฐานของประชาชนในกระบวนยุติธรรม และสนับสนุนการใช้สิทธิใช้เสียงอันพึงมีของราษฎร


ณฐพรนั่นต่างหากที่หาเรื่องใส่ร้ายอย่างผิดๆ ไม่จบสิ้น จะเป็นเพราะรับงานบ่อนทำลายฝ่ายค้านมาจากไหนน่าฉงน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบังอาจอ้างอิงกฎหมายอย่างหยามหมิ่นสติปัญญาของผู้พิพากษานักแล้ว หากตุลาการหลงกลจะเสื่อมเสียศักดิ์ศรีหาที่เปรียบมิได้

หนักกว่าณฐพรเห็นจะเป็น จุลเจิม ยุคล ราชองครักษ์พิเศษในกองราชวัลลภของรัชกาลที่ ๑๐ ยิ่งกว่าบังอาจจาบจ้วงตุลาการซึ่งหน้า เขียนข้อความยืดยาวกล่าวหา ตลก.ที่อนุญาตประกันตัวผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๒ หลายครั้งว่าบกพร่อง ประมาท ขาดความรับผิดชอบ

พวกตุลาการอาจพอใจหรือจำทนกันได้แค่ไหนไม่สำคัญ เท่าการที่ราชองครักษ์จงใจทำให้เกิดความเสื่อมทราม ในหลักทศพิธราชธรรมแห่งพระราชาเสียเอง จะว่าไร้เดียงสาเรื่องกฎหมายอันสำคัญต่อองค์ประมุขนี้ก็ใช่ที่ ระดับนี้ปูนนี้แล้ว

ดูจากที่ทนายสิทธิมนุษยชน วิญญัติ ชาติมนตรี เขียนตอบ ท่านใหม่เพื่อให้เกิดความกระจ่างทางนิติธรรมต่อการแสดงความเห็นของจุลเจิมแล้ว ข้อความ ๘ ประการที่จุลเจิมพร่ำพรรณา ล้วนเป็นโมหะคติส่วนตัวที่ปราศจากการไตร่ตรองด้วยปัญญา

เริ่มจากข้อแรกเลยทีเดียว วิญญัติเตือนสติราชองครักษ์ว่า “ต้องเข้าใจความเป็นมนุษย์” เสียก่อน การคิดว่าตนเป็นเทวดาไม่ทำให้ลบล้างความจริงได้ รัฐธรรมนูญระบุไว้ ให้ผู้ต้องหาได้รับสิทธิในฐานะผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิพากษาความผิด

หลักกฎหมายอันเป็นปลายสุดยอดแห่งชฎาก็คือ “ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” หลักการให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราวต่อผู้ต้องหาจึงเป็นสิ่งผู้พิพากษาพึงปฏิบัติ

จุลเจิมอ้างการให้สัตย์ปฏิญานตัวของผู้พิพากษาต่อพระมหากษัตริย์อย่างบิดเบือนว่า ทำให้ตุลาการไม่ควรอนุญาตปล่อยตัวผู้ต้องหาคดี ๑๑๒ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น นี้เท่ากับสั่งให้ผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่อย่างมัวเมา ขาดอิสระและความเป็นกลาง

บุคคลแม้คิดว่าตนสูงส่งแค่ไหน ใช้ความรู้สึกส่วนตัวไปวิพากษ์กล่าวหาการทำหน้าที่ของผู้พิพากษาอย่างขาดจิตสำนึกวิญญูชน และลำเอียงในฝักฝ่ายทางการเมือง “แม้จะมีสถานการณ์เกิดขึ้น” ก็ไม่บังควร เพราะนั่นคือสั่งให้ตุลาการลดละศักดิ์ศรีความเป็นคนลงไป

วิญญัติปลุกจิตสำนึกปุถุชนว่า “ท่านก็ต้องเข้าใจถึงหน้าที่ของพลเมืองที่ดี และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนทุกคน...มีเรื่องใดที่ไม่ถูกใจหรือขัดความรู้สึกตน แล้วจะยัดเยียดข้อหาความผิดทางอาญา หรือจะดูหมิ่นดูแคลนกัน” นั้นเกินไป

โดยธรรมชาติของความเป็นจ้าวนายอย่างไทยโบราณ ความเขลาของข้าทาสบริวารที่ทำให้เสื่อมเสียระคายเคือง มักจะต้องโบยให้หลาบจำ หากผู้กระทำผิดเป็นไม้แก่เกินดัด ในรัชกาลนี้เห็นมีถูก ซ่อม กันอยู่หลายราย

(https://www.prachachat.net/politics/news-606780, https://www.khaosod.co.th/politics/news_5873160 และ https://www.bbc.com/thai/thailand-55914100)