วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 22, 2564

ถุย 'ตู่กู้น้อยกว่าปู' พันธุ์มีเชาว์ (๘ หมื่น ๔ พันเซลส์สมอง) แค่เอาตัวเลขกลมๆ มาบิดอธิบายให้ 'เจ้านาย' ดูดี


ถุย “บิ๊กตู่สั่งแจงเรื่องจริง ศก.ไทย ยันกู้เงินน้อยกว่ารัฐบาลก่อนหน้า และหนี้ครัวเรือนสูงตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ” นี่แค่ประเด็นเดียวที่โดนถล่ม เป็น “จอมตอแหล” ในเมื่อ ว้อยซ์ ทำกร๊าฟฟิคออกมาสวนทันควัน หนี้ประยุทธ์มากกว่ายิ่งลักษณ์สามเท่า

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ นี่ เสียหะมาเพราะเห่อเป็นรองนายกฯ และ รมว.พลังงานยุค ไอทู้บนายสั่งให้ออกมาร่ายยาวเรื่องเศรษฐกิจ “ไม่ได้แย่อย่างที่อภิปรายกันในสภา” ด้วยการเอาเลขบางตัวมาบิดอธิบายให้ดูดีกว่าที่นายเองยังคิดไม่ถึง (เต่าตู่ ไง)

ข้อแรก “จนกระทั่งเดือน ธ.ค. มีการระบาดระลอกใหม่ ดัชนีบางตัวก็ยังดีกว่าเดือน เม.ย.” ใครก็พูดได้แบบนี้ ปี ๖๓ เราติดลบ ๖.% แต่ถ้าติดตามข้อมูลมาตั้งแต่ต้นปี หลายสถาบันเห็นว่าไทยจะติดลบ ๑๐ %, .% บ้าง” ที่ไม่หนักอย่างเขาคาด ไม่ใช่ดีเสมอไปนะทั่น

เรื่องว่างงานเอาเปอร์เซ็นต์มาอ้าง ๑.๙% ตัวเลขจริงเท่าไหร่ไม่ยอมบอก แต่รายหัวที่เขาเห็นกัน ๑๐ ล้านคนของแรงงาน มันต้องมากกว่า ๒% แน่ๆ แล้วที่ยก มูดี้ กับ เอสแอนด์พี บอกว่าดีดี ไม่ได้หมายความว่าตลาดจะตามเสมอไป

ควบคุมโควิดได้ดีก็เรื่องหนึ่ง นั่นอาจจะดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับได้บ้าง (แต่ไม่รู้นะเมื่อไหร่มา) สำหรับประเทศตะวันตกเขาเบื่อความไร้สาระของราชการไทย ไม่มีใครอยากไปกะลาแลนด์กันแล้ว ไปสิงคโปร์ เวียดนาม แม้แต่ลาวยังดีกว่า

หนี้สาธารณะที่เวลานี้กว่า ๕๒% น่ะเยอะเสียจนไม่รู้จะเยอะยังไง แต่ทั่นพันธุ์มีเชาว์ (๘ หมื่น ๔ พันเซลส์สมอง) เอาตัวเลขกลมๆ มาถุยว่าตอนไอทู้บเข้ามามี ๕.๕ ล้านล้าน สิ้นปีที่แล้วขึ้นเป็น ๘.๑ ล้านล้าน เพิ่มเกือบ ๓ ล้านล้าน ดันบอก “กู้น้อยกว่า” ยิ่งลักษณ์


หนี้ครัวเรือนก็เหมือนกัน เถาสุพัฒน์ว่าตอนยึดอำนาจเข้ามาปี ๕๗ ประมาณ ๘๐% “พยายามรักษาไว้” หมายถึงประคองไม่ให้หนักไปกว่านั้น ก็ยังไม่ยอมเชื่อกัน ลงไปเป็น ๘๖% บอกว่า “เราพยายามบริหารจัดการให้เป็นหนี้มีคุณภาพ” จะบ้าตาย

เกี่ยวกับอาการตระหนกธุรกิจย่อยกลัวแบ๊งค์จะล้ม ทั่นฟันธงไม่มีทาง “ต้องถือว่าสถาบันการเงินเข้มแข็งมาก” ไม่เถียง แต่นั่นไม่ใช่ฝือมือของคุณ ชอบตกกระไดพลอยโจนเอาแต่ของดีดี กระทั่งผลงาน ทักกี้ ก็ยังเอาไปเคลมแล้วบ่อยเลย

ด้าน “ธุรกิจปิดกิจการ” บอกว่ารัฐบาลตู่ปรับโครงสร้างให้ “มีการจัดตั้งใหม่ ๖ หมื่นกว่าราย เช็คเด้งน้อยลง ๒๓%” เฮ้ย น้อยลงเพราะไม่มีเช็คจะเซ็นแล้วน่ะสิ ส่วน บีโอไอ“มีผู้ขอมากกว่าปี ๖๒” แล้วตอนปี ๖๒ มันตกต่ำกว่าปี ๕๖ เท่าไหร่ ละไว้ในฐานที่ประชากรไม่ค่อยเข้าใจ

ลองฟังเสียงบ่นจากรากหญ้าเสียบ้าง จะได้เป็นผู้เป็นมากกว่าเทวดา “ภาคธุรกิจกำลังจะตาย ถูกโยนลงน้ำโดยไม่เหลือให้แม้แต่ตัวช่วยเดียว พอพยายามดิ้นรนก็ถูกสั่งเบรค เหมือนพยายามทำอย่างไรก็ได้ให้ตายแบบไม่ยอมให้มีทางรอด” (@JoeChonlawit)

สุดท้าย ประเทศไทยไม่ได้เหลื่อมล้ำมากที่สุดอย่างฝ่ายค้านว่า เจ้าสัว ๑% ของทั้งประเทศ และบนปลายยอดกลุ่มนี้เป็นของทรัพย์สินส่วนองค์ซะ ๑ ล้านล้านกว่า ขณะที่พสกนิกรสโมสรสมมุติตั้งแต่ชั้นกลางลงไปล่างสุด เฉลี่ยไม่ถึง ๑๐ ล้าน

ดังนั้นได้โปรด อย่าถ่มมากนัก เดี๋ยวคอแห้งต้องอมแฮ้ค มาดูข้อเท็จจริงจะจะ ฉะเพาะวันนี้มีข่าว “จีนรุกชุมพร ตั้งโรงงานปลุกทุเรียน (เพื่อแปรรูป) ๔ หมื่นไร่” ส่งกลับไปบริโภคบนแผ่นดินใหญ่ ไม่ต้องคอยซื้อจากไทยให้เรื่องมากและสิ้นเปลือง

เนื้อข่าว ประชาชาติธุรกิจ ว่า “ช่วงที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักลงทุนที่เป็นล้งจีนได้เข้ามาลงทุนธุรกิจทุเรียนในจังหวัดชุมพรจำนวนมาก ทั้งลงทุนทำสวนทุเรียน ลงทุนโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปทุเรียน” เพราะจีนซื้อทุเรียนไทยกินมากสุด

แต่ปีสองปีนี้แนวโน้มเปลี่ยนไป ไม่ใช่ลดการบริโภคนะ และไม่ใช่ลดปริมาณซื้อด้วย แค่เปลี่ยนที่ซื้อไปจากไทย แล้วยังวางแผนปลูกเองในแถวนี้ เอเซียอาคเนย์ อาเซียนนี่แหละ อีกข่าวว่า “ลาวเผยทุนจีนขอสัมปทานที่ดิน ๒-๓ หมื่นไร่ ปลูกทุเรียนส่งออกไปแดนมังกร”

ตามข้อมูลของ ฐานเศรษฐกิจ“ช่วง ๖ เดือนแรกของปี ๒๕๖๓ มูลค่าการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศของจีนสูงถึง ๑.๖ พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗๓ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่นำเข้าจากไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์”

แต่ว่า “ในอนาคตคาดว่า สปป.ลาว และเวียดนามจะส่งออกทุเรียนไปต่างประเทศเช่นกัน โดยมีจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกรองรับ” เนื่องจากลาวเดินนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเชิงรุกอย่างได้ผล “มีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ”

สรุปว่า “ซึ่งในอนาคตอาจจะกระทบกับการส่งออกสินค้าเกษตรจากไทยหลาย ๆ รายการ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กล้วย ทุเรียน พืชผักทางการเกษตร”

(https://www.thansettakij.com/content/world/469544YU, https://www.prachachat.net/local-economy/news-616673 และ https://www.prachachat.net/local-economy/news-616673)