Thanapol Eawsakul
8h ·
ความเลวร้ายของการเป็น "ตำรวจราบในพระองค์" คือการฆ่าคนทั้งเป็น
.......................
ดังปรากฎในข้อเเขียนของรังสิมัน โรม วันนี้
......................
หลังจากอภิปรายไปแล้ว ผมได้รับการติดต่อจากบุคคลใกล้ชิดนายตำรวจที่ต้องไปเป็น "ตำรวจราบในพระองค์" อีกหลายคนที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ บอกเล่าถึงชะตากรรมที่นายตำรวจเหล่านี้ต้องประสบพบเจอ
.
จากที่เป็นนายตำรวจที่มีอนาคต มีเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ เคยได้ใช้ความรู้ความสามารถในหน่วยงานของตัวเอง เคยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อถูกย้ายไปเป็น "ตำรวจราบ" ภารกิจที่พวกเขาได้รับกลับกลายเป็นการไปทำความสะอาด ทำสวน ไปยืนยามอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย ต้องรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาโดยไม่สามารถปฏิเสธได้ ขนาดว่าคนรู้จักเสียชีวิตก็ยังไม่สามารถไปร่วมงานศพได้
.
ที่เลวร้ายที่สุด แม้กระทั่งนายตำรวจที่ไม่อาจทนรับสภาพแบบนี้ได้อีกแล้ว และตัดสินใจขอลาออก ก็ยังถูกผู้บังคับบัญชาดองหนังสือไว้ และถูกทำโทษอย่างหนัก แทนที่จะปล่อยพวกเขาไปเป็นอิสระ กลับเหนี่ยวรั้งเอาไว้ในขุมนรก
[เรื่องที่ยังไม่ถูกพูดถึง ว่าด้วยความไม่เป็นธรรมที่ "ตำรวจราบ" ต้องแบกรับ]
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/650686392354678
Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม
14h ·
[เรื่องที่ยังไม่ถูกพูดถึง ว่าด้วยความไม่เป็นธรรมที่ "ตำรวจราบ" ต้องแบกรับ]
.
ในเรื่องราวความไม่เป็นธรรมในวงการตำรวจที่ผมได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ หนึ่งในนั้นคือกรณี "ตำรวจราบ" หรือการสั่งคัดเลือกตำรวจจาก สตช. ไปฝึก แล้วมัดมือชกให้โยกย้ายออกไปไว้ในหน่วยราชการในพระองค์ เมื่อมีผู้ปฏิเสธก็ถูกธำรงวินัย ดังเช่นกรณี 97 นายตำรวจที่ผมได้กล่าวไป
.
แต่เรื่องราวความไม่เป็นธรรมไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากอภิปรายไปแล้ว ผมได้รับการติดต่อจากบุคคลใกล้ชิดนายตำรวจที่ต้องไปเป็น "ตำรวจราบในพระองค์" อีกหลายคนที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ บอกเล่าถึงชะตากรรมที่นายตำรวจเหล่านี้ต้องประสบพบเจอ
.
จากที่เป็นนายตำรวจที่มีอนาคต มีเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ เคยได้ใช้ความรู้ความสามารถในหน่วยงานของตัวเอง เคยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อถูกย้ายไปเป็น "ตำรวจราบ" ภารกิจที่พวกเขาได้รับกลับกลายเป็นการไปทำความสะอาด ทำสวน ไปยืนยามอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย ต้องรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาโดยไม่สามารถปฏิเสธได้ ขนาดว่าคนรู้จักเสียชีวิตก็ยังไม่สามารถไปร่วมงานศพได้
.
ที่เลวร้ายที่สุด แม้กระทั่งนายตำรวจที่ไม่อาจทนรับสภาพแบบนี้ได้อีกแล้ว และตัดสินใจขอลาออก ก็ยังถูกผู้บังคับบัญชาดองหนังสือไว้ และถูกทำโทษอย่างหนัก แทนที่จะปล่อยพวกเขาไปเป็นอิสระ กลับเหนี่ยวรั้งเอาไว้ในขุมนรก
.
พวกเขาผิดอะไร? ทำไมเอาพวกเขาไปกระทำกันแบบนี้? ทั้งการออกคำสั่งที่คลุมเครือ ทั้งการกดดันให้ย้ายสังกัดโดยไม่เต็มใจ ทั้งการยัดเยียดภาระงานที่ต่ำกว่าความรู้ความสามารถที่มี ทั้งการลงโทษที่ใช้งบประมาณนับสิบล้าน นี่คือสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรได้รับอย่างนั้นหรือ?
.
และขนาดว่าพวกเขาถูกกระทำถึงเพียงนี้แล้ว คนที่มีอำนาจหน้าที่ น่าจะเป็นที่พึ่งให้กับพวกเขาได้มากที่สุด อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธาน ก.ตร. ที่เป็นคนที่เคยบอกว่าจะคืนความสุขให้ประชาชน ก็ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแลความทุกข์ทรมานของพี่น้องตำรวจเหล่านี้ ที่บางครอบครัวต้องแตกสลาย ตำรวจบางนายต้องลาออก ส่วนบางนายอยากออกก็ไม่ยอมให้ออก
.
ที่น่าเจ็บใจที่สุด เมื่อผมพยายามจะพูดถึงเรื่องนี้ในสภา ก็ยังถูกขวางอย่างเต็มกำลังจากผู้ซึ่งเป็นผู้แทนราษฎรด้วยกันเอง แล้วปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาโกหกคำโตว่าทุกคนเต็มใจ เป็นกระบวนการปกติ ไม่มีใครมีปัญหาอะไร นี่หรือคนที่มีหน้ามาคุมตำรวจทั้งประเทศ? กล้าดีอย่างไรที่มาพูดลวงโลกหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจขวัญกำลังใจของตำรวจชั้นผู้น้อยทั้งประเทศ ที่ไม่รู้ว่า วันไหนตัวเองจะต้องโดนเอาไปเป็นตำรวจราบแบบนี้?
.
และที่ยิ่งไปกว่านั้น ผมได้ยินมาว่าในเวลานี้ก็กำลังจะมีการคัดเลือกตำรวจราบอีกครั้ง ราวกับว่าเสียงเรียกร้องความเป็นธรรมจากตำรวจที่พยายามขอความเมตตา ไม่มีคุณค่าใดๆ ในสายตาผู้มีอำนาจเลย จนปัจจุบันก็ยังจะดึงดันทำแบบเดิมต่อไป
.
ผมขอเรียกร้องให้กระบวนการเหล่านี้หยุดลง และทำการทบทวนให้เห็นคุณค่าชีวิตของผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรมเหล่านี้เสียที อย่าให้ใครเอาความใกล้ชิดกับเบื้องสูงมารังแกข้าราชการตำรวจได้อีก อย่าให้เรื่องเลวร้ายแบบนี้อยู่เป็นตราบาปทำให้วงการตำรวจเต็มไปด้วยตั๋ว ใบสั่ง และคราบน้ำตาของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อีกต่อไป