วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 25, 2564

บอมบ์ลง "คารม" ต้องได้เท่าไรถึงจะพอ?



Detchai Sanporn
February 22 at 6:17 AM ·

รางวัล #หอกหัก ควรมอบให้ใคร
...อ่านครับ 》
'คริส​ โปตระ​นันทน์'​ ฉุน “คารม” ซัดพรรคไม่ดูแล ถามแรง “ผมลงเขต เพื่อให้ได้ปาร์ตี้ลิสต์แบบพี่?”
ตามที่ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 1 ใน 4 ส.ส.ที่ลงมติไว้วางใจให้กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาประกาศว่า ต้องการแยกทางกับพรรคก้าวไกล เพื่อไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย
วันนี้ (22 ก.พ.) นายคริส โปตระนันทน์ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์แสดงความเห็นถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า
“ไม่ทำมาหากิน เงินทองก็ไม่ดูแล”
อ่านแล้วมันจี๊ด
ผมเข้าใจสิ่งที่พี่พูดนะ
จริงอยู่พรรคเราไม่มีการสนับสนุนด้านการเงิน
คนทำพื้นที่อย่างผมที่มี แต่รายจ่ายทุกวันเข้าใจพี่ดี
แต่ผมว่าพี่ลืมอะไรไปอย่างว่า พี่เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พี่ไม่ต้องทำพื้นที่ รายจ่ายพี่เลยไม่มี
แถมยังมีเงินเดือนอยู่ 113,560 บาท พร้อม เงินเดือนผู้ช่วยอีก 8 คน 129,000 บาท ต่อเดือน รวมเป็น 242,560 บาทต่อเดือน
รวมๆทรัพยากรที่พี่ได้ไปตลอด 4 ปีจากการที่พี่เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จากพรรคนี้ก็ตกแล้ว 11,642,880บาท
(นี่ยังไม่นับเบี้ยประชุมกรรมาธิการและสวัสดิการอื่นๆ)
ผมถามพี่จริงๆว่า ตอนเราตั้งพรรคกัน คงไม่มีใครถามว่า พรรคจะให้อะไรกับเรา แต่ที่ต้องถามคือ คุณจะให้อะไรกับพรรคบ้าง
เศรษฐีอย่างธนาธรให้เงินพรรคยืมมา 200 กว่าล้าน
ส่วนคนธรรมดาอย่างผมลงเลือกตั้งเขตใช้เงินเก็บไปล้านกว่าบาท หาคะแนนมาให้พรรค 23,980 คะแนน เพื่อดันส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แบบพี่เข้าสภา
แล้วพี่ล่ะให้อะไรกับพรรคบ้าง???
วันที่ผมลงเขตเพื่อเก็บคะแนนให้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
ตอนที่เหนื่อยแทบขาดใจ ผมนึกในใจอยู่เสมอว่า
“ถึงเราจะไม่ชนะ แต่ทุกแต้มที่เราได้ ได้ส่งให้คนที่มีอุดมการณ์แบบเราเข้าไปอยู่ในสภา”
ถ้าพี่บอกว่า พี่แมนพอ
แต่ผมกลับสงสัยว่า คนเรามันต้องได้เท่าไรถึงจะพอ?
ลองอ่านสิ่งที่พี่พูดแล้ว ผมจี๊ด”
https://www.matichon.co.th/politics/news_2590296


.....

ชินวัตร fc แม้วแอนปู
Yesterday at 5:45 AM ·

UPDATE: ก้าวไกลลงโทษ 4 ส.ส. ไม่ส่งลงสมัคร ตัดสิทธิทุกโควตาในสภาฯ ไม่ขับออกให้เข้าทางการเมืองอีกขั้ว
.
วันนี้ (23 กุมภาพันธ์) ที่พรรคก้าวไกล มีการประชุมคณะกรรมการวินัยและจรรณยาบรรณสมาชิกพรรคก้าวไกล ครั้งที่ 2/64 โดย ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นวาระปกติ แต่ดังที่ทราบกันดีว่า ในการลงมติตามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางในรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีสมาชิก 4 คน ได้แก่ คารม พลพรกลาง, นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ, พีรเดช คำสมุทร และ ขวัญเลิศ พานิชมาท ได้ลงมติไว้วางใจ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่พรรคก้าวไกลเป็นผู้อภิปราย และเห็นสอดคล้องกันว่า อนุทินเป็นผู้บริหารจัดการวัคซีนผิดพลาด เอาประชาชนไปกระจุกเสี่ยงจากวัคซีนแหล่งเดียว ไม่สนใจคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถ ขาดความโปร่งใส ขัดขวางกลไกการตรวจสอบ ทั้งที่เงินทุกบาทที่ซื้อวัคซีนล้วนเป็นเงินภาษีที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชน และหากมีการฉีดวัคซีนล่าช้าจะส่งผลให้ปัญหาปากท้องลากยาวไม่จบสิ้น ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส คนตกงาน สูญเสียอาชีพ รายได้ฝืดเคือง และทำมาหากินด้วยความยากลำบาก จึงทำให้ไม่อาจไว้วางใจได้ ซึ่งการลงมติไว้วางใจดังกล่าวยังขัดกับความรู้สึกของประชาชน สมาชิก และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลจำนวนมาก จึงทำให้ต้องนำเอาพฤติการณ์ของสมาชิกทั้ง 4 คน เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวินัยฯ ในครั้งนี้ด้วย
.
สำหรับผลการประชุม คณะกรรมการวินัยฯ ทั้ง 5 คน มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ภายหลังการลงมติดังกล่าว สมาชิกทั้ง 4 คน มีการให้ข้อมูลต่อสาธารณะ และสื่อมวลชนเพิ่มเติมในหลายครั้งหลายวาระ ซึ่งจากการตรวจสอบรายละเอียดพบว่า มีข้อความหลายประการที่ส่งผลเสียหาย โดยเฉพาะต่ออุดมการณ์และแนวทางทำงานของพรรค นอกจากนี้ ยังพบว่าสมาชิกทั้ง 4 คนได้ขาดการร่วมกิจกรรมต่างๆ ของพรรค รวมถึงขาดการเข้าร่วมประชุมพรรคอย่างต่อเนื่องและยาวนานพอสมควร ซึ่งทางพรรคมีข้อมูลหลักฐานที่บันทึกไว้อย่างชัดเจน โดยพฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับพรรค ข้อ 119 กล่าวคือ
.
หากเป็นการทำผิดวินัยทั่วไป คณะกรรมการวินัยฯ มีสิทธิลงโทษได้ 4 อย่าง ได้แก่ การตักเตือน การภาคทัณฑ์ การตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคการเมือง และการให้พ้นสมาชิกภาพจากพรรคการเมือง ส่วนกรณีกระทำผิดวินัยร้ายแรง คณะกรรมการวินัยฯ มีสิทธิลงโทษได้ 2 อย่างคือ การตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคการเมือง และการให้พ้นสมาชิกภาพจากพรรคการเมือง
.
“สำหรับสมาชิกทั้ง 4 คน คณะกรรมการวินัยเห็นตรงกันว่า ให้ตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคการเมือง ส่วนสาเหตุที่ไม่ตัดสินให้พ้นจากสมาชิกภาพพรรคการเมืองนั้น เหตุผลเป็นไปตามที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคให้เหตุผลก่อนหน้านี้ คือเพื่อไม่ให้มีผลต่อสัดส่วนการทำงานต่างๆ ในการขับเคลื่อนทางการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร และเพื่อไม่ให้เป็นการเตะหมูเข้าปากหมาสมประโยชน์นักการเมือง และพรรคการเมืองที่กำลังทำการเมืองแบบเก่าและรอคอยอยู่” ณัฐวุฒิกล่าว
.
ทั้งนี้ รายละเอียดบทลงโทษ ในส่วนของพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรค รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า พรรคจะไม่ส่งสมาชิกทั้ง 4 คนลงสมัครเลือกตั้งครั้งถัดไป และจะดำเนินการตามระเบียบพรรคเพื่อให้ถอด นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ออกจากการเป็นรองเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นอำนาจเลขาธิการพรรคดำเนินการ
.
นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลไม่อนุญาตให้สมาชิกทั้ง 4 คนเข้าร่วมกิจกรรม และไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อพรรคในการทำกิจกรรมต่างๆ ทางการเมือง รวมถึงส่วนที่เป็นโควตาเวลาของพรรคการเมือง เช่น การปรึกษาหารือ การตั้งกระทู้ถามสด การนั่งเป็นกรรมาธิการคณะต่างๆ หรือการอภิปรายในสัดส่วนโควตาของพรรค พรรคขอตัดสิทธิในสัดส่วนเหล่านี้สำหรับสมาชิกทั้ง 4 คน และในฐานะรองหัวหน้าพรรค ขอเรียนว่าเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง พรรคจึงขอสงวนสิทธิในการส่ง ส.ส. หรือสมาชิกพรรคลงทำงานในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เชียงราย และชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ของสมาชิกทั้ง 4 คนทันที
.
“ขอยืนยันอีกครั้งว่า การกระทำผิดดังกล่าว เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะ มีความชัดเจน มีข้อมูล มีพยานหลักฐาน คณะกรรมการวินัยจึงของตัดสินโทษต่อสมาชิกทั้ง 4 คน ดังที่แจ้งไว้ต่อสื่อมวลชน” ณัฐวุฒิระบุในที่สุด
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews