วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 20, 2564

'ตั๋วช้าง' ตั้ง ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้การฯ ความผิดเท็คโนโลยี่ ยื่นฟ้องข้อหา ๑๑๒ ‘เพ็นกวิ้น’ รายแรก


สิระ เจนจาคะ นี่ทำให้ ตั๋วช้าง เสียภาพพจน์หมด หากรับเข้าเป็นลิ่วล้อก็คงเปื้อนเชื้อ นักเลงสถุลทำให้สมยา มือปราบสายธรรมะนักแม่นปืน มีอันต้องมัวหมองลงไปอีก ยิ่งกว่าการเป็นอำนาจวิเศษนอกระบบ ครอบงำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจสองผู้นำ ตู่-ป้อมยอมให้ราชเลขาฯ และผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เข้าไปสั่งย้าย สั่งซ่อม และแต่งตั้งตำรวจนับพันคน ค้ำหัว ผบ.ตร.ไม่พอ ปาดหน้านายกฯ และรองฯ เหมือนกับที่ประยุทธ์ปาดหน้าชวนที่รัฐสภา

แม้นว่า รังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกล จะกล่าวปิดท้ายการอภิปรายของเขาไว้ว่า “เป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดในชีวิต ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่ผมเป็นผู้แทนราษฏร ผมจึงต้องทำหน้าที่ และผมไม่เสียใจที่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้”

เรื่องที่ “มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ไม่มีอำนาจบงการในการโยกย้ายตำแหน่งมาตั้งแต่ยุค คสช. เกิดระบบอุปถัมภ์ และการใช้เส้นสายในวงการตำรวจ” พร้อมทั้งนำเอกสาร “ขอสนับสนุน แต่งตั้งตำรวจแบบย้ายข้ามกองบัญชาการ” ไปแสดง

“ระหว่างนั้นได้มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐหลายคนลุกขึ้นประท้วง โดยในช่วงหนึ่ง สิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ รังสิมันต์” ออกอาการข่มขู่ด้วยกาย ทำให้ ส.ส.อื่นสองสามคนเข้าไปกัน และเจรจาให้กลับไปที่นั่งของตน


เนื้อหาหลักจากการอภิปรายของรังสิมันต์ “ปรากฏชื่อของ พลตำรวจโทต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวังและผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์”

ว่าเป็นการแทรกแซงจากภายนอกในการเลื่อนขั้นยศ “นายตำรวจบางนายมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ก.ตร. ทำให้มีตำรวจหลายนายสูญเสียกำลังใจ และเป็นการทำลายระบบคุณธรรมของตำรวจ”

มิหนำซ้ำมีการ “ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติโอนย้ายตำรวจ ๑,๓๑๙ นาย ไปเป็นข้าราชการประเภทอื่นที่ไม่สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังพบอีกว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน ๖๖ นาย ถูกลงนามคำสั่งโดย ผบ.ตร. ให้ไปปรับทัศนคติเป็นเวลาถึง ๙ เดือน”

พวกที่โดนส่งไปฝึก ธำรงวินัยจากบ้านจากหน่วยไปเกือบปี กลับจากฝึกแทนที่จะได้กลับไปทำงานตามปรกติ ไต่เต้าต่อไปตามกฏเกณฑ์ “พวกเขากลับถูกดองไม่ให้โต ไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง” ถูกจัดให้ทำแต่งานธุรการและอำนวยการ

ท้ายที่สุดรังสิมันต์พูดถึง ตั๋วช้างซึ่งเป็นที่ตื่นตะลึงของพสกนิกรและไพร่ฟ้าหน้าใสเป็นอันมาก ว่าคือหนังสือขอการสนับสนุนที่ พล.อ.อ.สถิตพงษ์ สุวิมล ลงนาม “ขอรับพระมหากรุณาธิคุณ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ” เมื่อ ๒๓ มกรา ๖๒


ปรากฏว่ามีลายเซ็นพระนามราชินี สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา กำกับด้วย เท่านั้นไม่พอ มีลายเซ็นซึ่งวงเล็บว่า ๙๐๔กำกับอีกชั้น อันหมายเลขดังกล่าวประดุจ ลัญจกรแทนองค์สมเด็จพระบรมโอรสาฯ แห่ง ร.๙ ที่ข้าราชบริพารใช้แทนพระองค์

ซึ่งการแต่งตั้งระดับนั้นโดยปกติจะมีสนนราคาเป็นที่รู้กัน เช่นได้รับแต่งตั้งเป็นพันตำรวจเอก เบาะๆ ก็ ๘ ล้านบาท หากมีตั๋วช้างจะได้ลดครึ่งหนึ่งเหลือแค่สี่ล้าน อันที่จริงมีลายเซ็นราชินีกำกับน่าจะส่วนลดเกิน ๕๐ ไปถึง ๗๕% เหมือน Sale หลังปีใหม่

ยิ่งมีลานเซ็น ๙๐๔ กำกับซ้อนด้วยนี้ ควรจะได้ฟรีแล้วแถมขันน้ำพานรองยังได้ แต่ “ในรายชื่อตั๋วช้างที่ขอเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ๑๖ ราย” ชุดนั้นมีชื่อน่าสนใจอย่างยิ่งอยู่สองราย (ตามที่ Pruay Saltihead ยกมาเป็นข้อต้องสังเกตุ)

“มีชื่อ ชานันท์ ชัยจินดา ลูกชาย จักรทิพย์ ชัยจินดา” (ผบ.ตร.ขณะนั้น) อยู่ในอันดับปิดท้าย นั่นยังไม่ตะลึงเท่าชื่อแรกของตั๋ว “คือ พ.ต.อ. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี”

ความสำคัญของเขาจนทำให้ ร.๑๐ ทรงกระโดดลงไปกลั้วตั๋ว เซ็นกำกับด้วยพระองค์เอง ก็เพราะเขาเป็นผู้เปิดฉากไล่ฟ้อง ตั้งข้อหา ม.๑๑๒ กับบรรดาแกนนำราษฎร ๖๓ รายแรกที่โดนหมายเรียกคือ เพ็นกวิ้น พริษฐ์ ชีวารักษ์ นั่นไง

(https://www.facebook.com/groups/634791290746287/permalink/821204138771667, https://www.voicetv.co.th/read/NljiBD9CU, https://www.bbc.com/thai/thailand-54239870.amp และ https://waymagazine.org/elephant-in-the-room/)