วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 26, 2564

บทความ "ช้างเหยียบคุณธรรม"



ข้าราชการปลดแอก - Free Thai Civil Servant
Yesterday at 3:37 AM ·

ตั๋วเงิน ตั๋วนักการเมือง ตั๋วบิ๊กข้าราชการ ตั๋ววัง ตั๋วข้างวัง ไปจนถึง ตั๋วพระ บทความ ช้างเหยียบคุณธรรม จากมิตรสหายข้าราชการท่านหนึ่ง

ใครๆก็อยากก้าวหน้าในชีวิตรับราชการ ยิ่งตำแหน่งสูงขึ้น เกียรติยศชื่อเสียง อำนาจบารมี ลูกน้องบริวาร ทรัพย์สินเงินทอง จะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ และบางคนถึงกับมีมากจนล้นเกินแล้วจะก้าวหน้าได้อย่างไร ด้วยวิธีไหน ประสบการณ์ที่พบเจอด้วยตนเองและเพื่อนฝูงบอกเล่า จะมีคร่าวๆ ดังนี้

1. ด้วยความรู้ความสามารถ และการกระทำของตนเอง
 
โดดเด่นทั้งงานนโยบายและงานปฏิบัติ มนุษยสัมพันธ์ดีกับผู้ร่วมงานทุกระดับ อ่อนน้อมถ่อมตน ประสานสิบทิศ เข้าทำนอง "ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน" จนทำให้ ลูกพี่ดึง ลูกน้องดัน เพื่อนร่วมงานเชียร์

บางคนฝีมือการทำงานราชการพื้นๆ เช้าชามเย็นชาม เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งไม่ทันเพื่อน ก็ใช้วิธีเข้าหลังบ้าน ไปรับใช้คุณนายผู้บังคับบัญชา หรือเสน่ห์ดีได้ลูกสาวเจ้านายเป็นภรรยา ที่เรียกว่า "เจาะไข่แดง"
 
2. ใบเบิกทาง (ตั๋ว)
 
ข้าราชการบางคน แม้พยายามใช้ความรู้ความสามารถของตนเองเต็มที่แล้ว แต่ศักยภาพสู้คนอื่นไม่ได้ ย่ำเท้าอยู่กับที่หลายปี จึงต้องขวนขวายหาตั๋วทั้งในหน่วยและนอกหน่วย เพื่อเป็นทางลัดไปสู่ความก้าวหน้า ซึ่งมีหลายประเภทสุดแต่ใครจะสรรหา ได้แก่

"ตั๋วเงิน" วิธีนี้ใช้มากที่สุด ข้าราชการบางคนครอบครัวมีฐานะดี หรือกอบโกยตุนไว้ตั้งแต่ตำแหน่งเล็กๆ ก็ใช้เงินเป็นตั๋วซื้อตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่บางคนฐานะไม่ดีไม่มีเงินก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามา โดยคาดหวังว่าเมื่อได้ตำแหน่งสูงขึ้นหรือย้ายไปในที่ที่ดีขึ้น อำนาจบารมี ผลประโยชน์ที่ได้รับ จะมากเพียงพอถอนทุนคืนและยังเหลือสะสมไว้อีกต่างหาก วงการตำรวจจะฉาวโฉ่ในเรื่องตั๋วเงินมากที่สุด แต่บางคนโชคร้ายจ่ายเงินซื้อไปแล้ว แต่ไม่ได้ตำแหน่งตามที่ต้องการ ต้องฟ้องร้องเรียกเงินคืน เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง

ในช่วงมีข่าวทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ผู้เข้าสอบบางคนที่ถูกกันไว้เป็นพยาน ได้ให้ถ้อยคำว่าตนเองไหว้วานนักการเมืองท้องถิ่นที่รู้จักกัน พาเข้าพบทีมงานรัฐมนตรี เขาก็โอเคให้ตีตั๋วเด็ก จากแปดแสนลดลงเหลือสี่แสน ต้องกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์หอบไปให้เขา (รับแต่เงินสด ไม่รับเช็ค กลัวมีหลักฐาน) พอความแตก ปปช. จับทุจริตได้ กลับไม่สามารถชี้มูลเอาผิดนักการเมืองได้สักคน แต่ข้าราชการตั้งแต่อธิบดีลงมา รวมทั้งผู้เข้าสอบต่างโดนโทษทัณฑ์กันเป็นทิวแถว พรรคที่คุมมหาดไทยในยุคนั้นจะเป็นพรรคไหน ผู้ที่ติดตามข่าวเรื่องนี้คงทราบดี

"ตั๋วนักการเมือง บิ๊กข้าราชการ ทหาร ตำรวจ" บางคนไม่มีเส้นสายในส่วนราชการ แต่รู้จักเป็นพรรคพวกหรือเป็นญาติกับนักการเมือง สส. สว. รัฐมนตรี หรือบิ๊กข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต้องไปกราบกรานขอร้องหรือบางทีก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อให้เขาฝากฝังกับหัวหน้าส่วนราชการตัวเอง ทำให้มีบุญคุณต่อกัน ยอมรับใช้ทำให้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด
 
ในอดีตเคยมีเรื่องจริงที่นำมาเล่าแบบขำๆ ว่า มีบิ๊กทหารคนหนึ่งไปฝากบิ๊กตำรวจเพื่อขอเลื่อนตำแหน่งให้กับลูกน้องของตนเอง พอเห็นชื่อ บิ๊กตำรวจก็อุทานว่า "พี่! ไอ้นี่มันไม่ได้เรื่องเลย ผมรู้จักมันดี" บิ๊กทหารสวนกลับมาว่า "ก็เพราะมันไม่ได้เรื่องนะซิ ถึงต้องฝาก ถ้ามันเก่งมันได้เรื่อง จะต้องฝากไปทำไม" อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ขำออกไหม

กรณีบิ๊กทหารผู้กว้างขวางคนหนี่ง มีนาฬิกาหรูมากเรือนก็มาจากเหตุนี้ ช่วยเหลือลูกน้องพรรคพวกให้ได้รับตำแหน่งสูงขึ้นหรือย้ายไปอยู่ที่ดีขึ้น ลูกน้องจะตอบแทนเป็นเงินก็เห็นว่าลูกพี่มีเยอะแล้ว ก็เลยซื้อนาฬิกาหรูหรือพระเครื่องราคาเป็นล้านให้เป็นการตอบแทน พอสื่อโซเชียลจับได้ไล่ทัน ก็เอาสีข้างเข้าถูว่ายืมเพื่อนมา คนทั้งประเทศไม่มีใครเชื่อ แต่ ปปช. เชื่อ

"ตั๋วสถาบันการศึกษา" ที่เห็นเด่นชัดก็ที่กระทรวงมหาดไทย จบรัฐศาสตร์จุฬาฯ สิงห์ดำ จบรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ สิงห์แดง จบรัฐศาสตร์เชียงใหม่ สิงห์ขาว จบรัฐศาสตร์รามคำแหง สิงห์ทอง ปลัดกระทรวงจบสถาบันไหนก็พยายามดันรุ่นน้องตัวเองเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญ ปัจจุบันเป็นยุคของ "สิงห์ดำ" อีกแห่งหนึ่งที่เห็นเด่นชัดคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และผู้จบหลักสูตรนายร้อยอบรมจากผู้จบปริญญาตรีนิติศาสตร์รัฐศาสตร์ ผู้ก้าวหน้าในตำแหน่งหลักเกือบทั้งหมดมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ไม่ได้จบสามพรานแล้วเป็นใหญ่ได้ในปัจจุบันไม่มีใครเกินผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนผู้กำกับทุกคนยังคงเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจอยู่ แต่ตัวเองพุ่งพรวดเป็นผู้บัญชาการแล้ว ยังงี้จะเรียกว่ามี "ตั๋วช้าง" ได้หรือไม่

"ตั๋วพระ" บางคนสืบเสาะจนรู้ว่าปลัดกระทรวงหรืออธิบดีเคารพนับถือพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปใดหรือเจ้าอาวาสวัดไหน ก็ดั้นด้นหาทางเข้าถึงพระรูปนั้นเพื่อให้ช่วยฝากฝังตนเองเข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องการ วิธีนี้ค่อนข้างได้ผลดีและเสียค่าใช้จ่ายน้อย พระคงไม่ต้องไปจ่ายเงินให้แก่ผู้รับฝากและเราก็แค่ทำบุญให้แก่พระ ข้อนี้รวมถึงโหรที่บิ๊กทหารหรือบิ๊กข้าราชการเคารพนับถือด้วย บอกใบ้ให้นิดโหรที่อยู่เชียงใหม่ก็ใช่แบบนี้ หรือในกรณีของวัดหงส์รัตนาราม ที่บิ๊กๆ เกษียณบางคนเลือกไปถือผ้าเหลือง

"ตั๋ววัง" ข้อนี้ไม่ต้องอธิบายมาก เป็นไปตามที่ สส.รังสิมันต์ โรม อภิปรายในสภา ที่เขาเรียกว่า "ตั๋วช้าง" และยังมี "ตั๋วข้างวัง" ที่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้เข้าไม่ถึงวัง แต่ไปรู้จักมักจี่กับญาติพี่น้อง ข้าราชบริพาร ผู้ทำงานรับใช้ใกล้ชิดกับวัง ก็สามารถฝากฝังเข้าไปในช่องทางนี้ วิธีนี้ได้ผลชะงัด ใครล่ะจะกล้าไปสอบถามว่าวังฝากมาจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงมีการลักไก่แอบอ้างอยู่เสมอ จนเป็นที่มาที่ส่วนราชการจะต้องเสนอชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งขึ้นไปให้ข้างบนดูก่อนว่าเป็นบุคคลเหล่านี้จริงไหม บรรจุลงตำแหน่งถูกต้องตามที่ขอมาหรือไม่ เราจึงเห็นลายเซนต์ยืนยันของใครต่อใครหลายคนตามที่ สส. รังสิมันต์อภิปรายและแฉโพย

คงไม่ต้องสรุปหรอกนะครับว่า ปัจจุบันระบบคุณธรรมที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ยึดมั่นถือมั่นมาโดยตลอด ได้ถูกทำลายล้างจากระบบอุปถัมภ์รูปแบบต่างๆ ในยุครัฐบาลสืบทอดอำนาจนี้ไปมากมายขนาดไหน รวมทั้งระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แล้วรัฐบาลมีความจริงใจแค่ไหนในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้
 
คงให้เป็นหน้าที่ของเหล่าสมาชิกเพจข้าราชการปลดแอก ช่วยกันคิดไตร่ตรองดูว่า ถ้าปล่อยให้ "ช้างเหยียบคุณธรรม" ไปเรื่อยๆ แบบนี้ ขวัญกำลังใจของข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ที่ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติจะลดต่ำลงขนาดไหน และควรแก้ไขกันอย่างไร