วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 25, 2564

14 วันแรกในเรือนจำ จากคำบอกเล่าของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข



iLaw
10h ·

อานนท์ นำภา, เพนกวิน หรือพริษฐ์ ชิวารักษ์, สมยศ พฤกษาเกษมสุข และปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ ถูกฝากขังตามข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ มาตรา 112 ในคดีปราศรัยจากการชุมนุม #ทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 โดยเขาถูกส่งฟ้องต่อศาล และศาลอาญาสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างการต่อสู้คดี ทำให้พวกเขาทั้งสี่คนถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564
 
พวกเขาทั้งสี่คนถูกคุมขังจนครบ 14 วันแล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลา 14 วันแรกพวกเขาถูก "แยกกัก" เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 และเมื่อครบกำหนดเวลาจึงคุมขังอยู่ที่แดน 1 ซึ่งเป็นแดนแรกรับ รวมกับนักโทษทั่วไป และในวันอังคารที่ 2 มีนาคม 2564 จะถูกจำแนกไปตามแดนต่างๆ ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ความต้องการของพวกเขา คือ ยังอยากอยู่ในแดนเดียวกัน ไม่ว่าจะถูกจำแนกไปยังแดนไหนก็อยากจะไปด้วยกัน เพื่อว่าจะได้ช่วยเหลือกันหากมีปัญหาติดขัดในการใช้ชีวิตในเรือนจำ

สมยศ ซึ่งถือว่าเป็น "พี่ใหญ่" บอกว่า "ผมสบาย" นอกจากสมยศจะอายุมากที่สุดในทั้งสี่คนแล้ว ยังมีประสบการณ์ในเรือนจำแห่งนี้มายาวนานเจ็ดปีเต็มในคดีก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้จักกับผู้คุมหลายคน รวมทั้งเพื่อนนักโทษหลายคนที่เคยต้องขังพร้อมกันก่อนหน้านี้ก็ยังอยู่ในเรือนจำ

แต่สำหรับช่วงเวลา 14 วันแรกที่ต้องแยกกักตัว สมยศบอกว่า "เหมือนนรก" เพราะทุกคนต้องอยู่รวมกันในห้องแคบๆ ตลอด ในห้องของพวกเขามีผู้ต้องขังประมาณ 15 คนอยู่รวมกัน โดยยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปพบปะกับผู้ต้องขังคนอื่น แต่เมื่อมีคนใหม่เข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกันก็จะถูกจัดให้อยู่รวมในห้องเดียวกัน ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยในการอยู่ร่วมกันแต่ไม่มีกระบวนการตรวจหาเชื้อโควิด ในช่วงเวลานี้โอกาสที่จะได้ออกจากห้องคุมขังก็คือตอนที่ทนายความมาเยี่ยมเพื่อปรึกษาคดี หรือตำรวจมาขอพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งในห้องดังกล่าวมีห้องน้ำห้องเดียว ที่ทุกคนต้องใช้ร่วมกัน

"เรียกห้องน้ำแบบนี้ว่า หัวโผล่ เพนกวินก็ลำบากหน่อยเพราะตัวใหญ่ พวกนักโทษทั่วไปอยู่กันจนชิน เขาก็เดินแก้ผ้ากันได้ เรียกพวกนี้ว่า ซามูไร แต่พวกเราที่เพิ่งเข้ามาก็ยังเขินอยู่เวลาต้องเข้าห้องน้ำ" สมยศเล่า

เมื่อถามถึงหมอลำแบงค์ สมยศเล่าว่า "แบงค์เครียด นอนร้องไห้ เราฟังเราก็เศร้าไปด้วย" เนื่องจากหมอลำแบงค์เคยต้องจำคุกในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำแห่งนี้จากการร่วมแสดงละคร "เจ้าสาวหมาป่า" หลังรับโทษครบเป็นเวลา 729 วัน และได้รับการปล่อยตัว แบงค์ก็พยายามทำงานหาเลี้ยงตัวเองโดยการตั้งวงหมอลำ และกำลังสร้างสตูดิโอของตัวเอง ซึ่งธุรกิจกำลังจะไปได้ก็มาโดนคดีอีกครั้ง ทำให้มีปัญหาอย่างมาก

สมยศเล่าว่า ข้างในมีนักโทษมาให้กำลังใจเยอะ เพนกวินเป็นคนดัง ใครๆ ก็รู้จัก นักโทษบางคนก็เข้ามาเพราะสภาพเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยใช้คำว่า "ส่วนใหญ่อยู่ข้างเรา" สำหรับข้อกังวลว่า ผู้ต้องขังคดีทางการเมืองอาจถูกทำร้ายหรือปฏิบัติไม่ดี สมยศตอบว่า "ไม่มี"
 
สำหรับอาหารการกินในเรือนจำสมยศบอกว่า "พอกินได้" ขณะที่มีญาติๆ ช่วยซื้ออาหารจากห้องสวัสดิการฝากเข้าไปบ้าง ระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ก็ถือโอกาสจะลดการกินอาหารเหลือวันละ 2 มื้อ ส่วนตัวของเขาค่อนข้างสบายใจ เนื่องจากเขาเตรียมตัวไว้บ้างและฝากฝังเรื่องการจัดการทรัพย์สินต่างๆ ไว้กับคนข้างนอกแล้ว ซึ่งเขาไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรมากนักนอกจากรถยนต์หนึ่งคัน แต่สิ่งที่เขาเป็นกังวลมากกว่าเรื่องทรัพย์สินส่วนตัว คือ หลักการและสิทธิขั้นพื้นฐาน

"เราถูกละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง คดีของพวกเราตำรวจไม่ได้คัดค้านการประกันตัว แต่ศาลไม่ให้ อ้างเหตุกลัวว่าพวกเราจะหลบหนี ทั้งที่ยังไม่ได้หลบหนีเลย เท่ากับตัดสินแล้วว่าเราผิด เราตกเป็นนักโทษ มันบาปกรรมมาก คนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำนี้ทุกคน ผมจะต้องเอาคืนทุกคน" สมยศกล่าวเสียงดัง