ว่องไวดั่งใครเสก ๘ แกนนำ กปปส.นอนฟูกในคุกคืนเดียวได้ประกันปล่อยตัวแล้ว เหตุเพราะ “เคยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นมาก่อน” ฮ่า ฮ่า ทีพวกปฏิรูปไม่กบฏก็เคยปล่อยตัวหลายหน ไม่ยักได้ประกันบ้าง
แล้วยัง “โทษจำคุกสำหรับความผิดในแต่ละกระทงก็ไม่สูงนักด้วย ไม่เหมือนข้อหาบังอาจเสนอแก้ไขกฎหมายที่ให้อำนาจกษัตริย์ขัดนิติธรรมรัฐธรรมนูญ ขนาดทนายและญาติยังไม่ให้เยี่ยม ไม่ต้องถึงคำถาม @Incognito_me ที่ว่า
“๘ คนนั้นโดนจับกล้อนผมรึเปล่า” แบบที่อานนท์เอย เพ็นกวิ้นเอย เคยปล่อยตัวออกมาหัวขาวสามด้านน่ะ ‘มิตรสหายท่านหนึ่ง’ ไม่ต้องแปลกใจมาตรฐานของเรือนจำ สี่คณะราษฎรผู้ถูกจองจำ แม้พ้น ๑๔ วันก็ยังถูกห้าม “อ้างว่ามีกฎ/ประกาศกักตัวโควิด”
แต่พวก ‘ม็อบมีเส้น’ จ่ายค่าประกันคนละแปดแสนแล้วพากันเดินออกจากคุก ‘Remand’ ฉลุย แล้วที่ถามกันอีกว่าเอ๊ะ “รู้สึกแปลกๆ ไหม ทำไมไม่มีน้องตั๊น จิตภัสร์ อยู่ใน ๓๙ กปปส. ที่ถูกศาลตัดสิน” คดีกบฏด้วยล่ะ ชื่ออันตรธานหายต๋อมไปเลย
ก็เนอะ กระบวนการศาลไทย มาตรฐานประมาณนี้แหละ อย่างคดี ๙ ผู้ต้องหาและต้องขัง จากเหตุการณ์มวลชนพยายามหน่วงเหนี่ยวรถตู้นำตัวสองแกนนำราษฎร เพ็นกวิ้นกับไม้ค์ ไปต่อควบคุมต่อที่ สน.ประชาชื่น ทั้งที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
หนึ่งในนั้นเป็นชายวัย ๕๒ ปีที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ โดนข้อหาและดำเนินคดีเพียงเพราะรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่ที่นั่น ลูกชายและลูกเขยขอยืมไป เขาถูกฟ้อง ๗ ข้อหาจากการทำคดีมั่วโดยตำรวจ แล้วไม่มีใครยอมให้เขาแจ้งความจริงต่อศาล
สองวันก่อน (๒๔ ก.พ.) ศาลไม่ยอมให้ประกันตัว อ้างว่าจำเลย “ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย สร้างความวุ่นวายให้เกิดในบ้านเมือง” ซึ่งเป็นข้อหาที่เขาไม่ได้ทำ แต่ศาลไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้นเหมาเอาตามคำฟ้องว่าจำเลยผิดไปก่อนแล้ว
มิใยที่สิทธิในการได้ประกันตัวมี รธน.รองรับอยู่แล้ว ในหลักการแห่งความยุติธรรมถ้วนหน้า “ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” ควบไปกับ “สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม” ซึ่ง “แกนนำกปปส.ได้รับสิทธินี้ทุกคน”
ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลงานวิจัยดีเด่นในสาขาสังคมศาสตร์ แสดงความเห็นไว้บนทวิตเตอร์ว่า “หลังถูกฟ้องแล้วบางคนไปตั้งพรรคการเมือง บางคนถึงขั้นได้เป็นรมต. เพราะศาลยังไม่ตัดสิน จึงยังเป็นผู้บริสุทธ์
แต่หลักการนี้ไม่ถูกใช้กับคุณสมยศ ทนายอานนท์ หมอลำแบงค์ และพริษฐ์...กลับถูกคุมขังในคุก”โดยเฉพาะเพ็นกวิ้น “ไม่ได้รับโอกาสกลับไปเรียนหนังสือ เป็นนศ.ธรรมศาสตร์ตามปรกติ ทั้งที่คดีมีระวางโทษรุนแรงน้อยกว่ามาก”
กับที่วายร้ายไปมากยิ่งกว่า เป็น ‘ภัยมืด’ ของผู้ถูกกล่าวหา ‘หมิ่นประมาทสังฆราช’ เนื่องจากมหาเถรสมาคม “มีมติให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อ 'สามเณรโฟล์ค' (สหรัฐ สุขคำหล้า) ข้อหา “ใส่ความคณะสงฆ์ให้เสื่อมเสียหรือแตกแยก”
ใครที่ไม่ทราบ สามเณร ‘Folk Saharat’ ผู้นี้เป็นนักกิจกรรมประชาธิปไตยตัวยง ไปร่วมชุมนุมและขึ้นปราศรัยร่วมกับเยาวชนและคณะราษฎรบ่อยๆ จนกระทั่งมหาเถรฯ ออกแถลงกล่าวหา “ทั้งยังมีการขอความร่วมมือเรื่องนี้ไปยังทางตำรวจด้วย”
ก็ปรากฏว่า เมื่อเวลา ๑๗.๓๔ น.ของวันที่ ๒๕ ก.พ. เพจ 'แนวร่วมราษฎรศาลายาเพื่อประชาธิปไตย’ รายงานว่า “ตำรวจนอกเครื่องแบบ ๗ นาย ล้อมวัดสุทธิวรารามเพื่อตามหาสามเณรสหรัฐ และ...ก็ไม่สามารถติดต่อสามเณรโฟล์คได้อีก”
จนเมื่อ ๒๒.๑๖ น.แจ้งว่า “ทางทีมงานสามารถติดต่อได้แล้ว...สามเณรโฟล์คยืนยันว่าตอนนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย... ด้าน ‘คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่’ ประณามจี้หยุดกดทับสิทธิฯ เจ้าตัวยันไม่หยุดเคลื่อนไหว”
อะไรมันจะต้องคอยจ้องระมัดระวัง ‘คนหาย’ กันถึงขนาดนี้ ใครที่ปากกล้าหน่อย แสดงออกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของมนุษยชาติ กลับต้องถูกคุมคามข่มเหงจาก ‘นอกเครื่องแบบ’ แทนที่จะได้รับการปกป้องโดย ‘ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์’
ไม่ช้าคงเข้าอีหรอบเดียวกับเผด็จการพม่า ที่สามารถจูงจมูก ‘กึ่งเผด็จการ’ ไทย ในการเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศหลัดๆ นี่ ซึ่งนายกฯ ไทยแก้เกี้ยวว่า “เขามาคารวะ” ที่ไหนได้แถลงการณ์คณะรัฐประหารหม่องประกาศ ไทยริกรี้มาชวนให้ไปเยี่ยมเอง
มุ่งหมายเพียงจะได้เศษเนื้อเสือดำจากเจ้าสัวอิตาเลี่ยนไทย โครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย ซึ่ง ‘เทพเทือก’ ไปกว้านซื้อที่ทำไร่ปาล์มน้ำมันรอเอาไว้นานแล้ว
(https://prachatai.com/journal/2021/02/91854, https://tlhr2014.com/archives/26327, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2689365218023020-R และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2918449391738775)