วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 26, 2564

ว่องไวดั่งใครเสก ให้ประกันปล่อย กปปส. แล้ว "ภัยมืดของผู้ถูกกล่าวหา หมิ่น" ก็ดำเนินต่อ


ว่องไวดั่งใครเสก ๘ แกนนำ กปปส.นอนฟูกในคุกคืนเดียวได้ประกันปล่อยตัวแล้ว เหตุเพราะ “เคยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นมาก่อน” ฮ่า ฮ่า ทีพวกปฏิรูปไม่กบฏก็เคยปล่อยตัวหลายหน ไม่ยักได้ประกันบ้าง

แล้วยัง “โทษจำคุกสำหรับความผิดในแต่ละกระทงก็ไม่สูงนักด้วย ไม่เหมือนข้อหาบังอาจเสนอแก้ไขกฎหมายที่ให้อำนาจกษัตริย์ขัดนิติธรรมรัฐธรรมนูญ ขนาดทนายและญาติยังไม่ให้เยี่ยม ไม่ต้องถึงคำถาม @Incognito_me ที่ว่า

“๘ คนนั้นโดนจับกล้อนผมรึเปล่า” แบบที่อานนท์เอย เพ็นกวิ้นเอย เคยปล่อยตัวออกมาหัวขาวสามด้านน่ะ มิตรสหายท่านหนึ่งไม่ต้องแปลกใจมาตรฐานของเรือนจำ สี่คณะราษฎรผู้ถูกจองจำ แม้พ้น ๑๔ วันก็ยังถูกห้าม “อ้างว่ามีกฎ/ประกาศกักตัวโควิด”

แต่พวก ม็อบมีเส้นจ่ายค่าประกันคนละแปดแสนแล้วพากันเดินออกจากคุก ‘Remand’ ฉลุย แล้วที่ถามกันอีกว่าเอ๊ะ “รู้สึกแปลกๆ ไหม ทำไมไม่มีน้องตั๊น จิตภัสร์ อยู่ใน ๓๙ กปปส. ที่ถูกศาลตัดสิน” คดีกบฏด้วยล่ะ ชื่ออันตรธานหายต๋อมไปเลย

ก็เนอะ กระบวนการศาลไทย มาตรฐานประมาณนี้แหละ อย่างคดี ๙ ผู้ต้องหาและต้องขัง จากเหตุการณ์มวลชนพยายามหน่วงเหนี่ยวรถตู้นำตัวสองแกนนำราษฎร เพ็นกวิ้นกับไม้ค์ ไปต่อควบคุมต่อที่ สน.ประชาชื่น ทั้งที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว


หนึ่งในนั้นเป็นชายวัย ๕๒ ปีที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ โดนข้อหาและดำเนินคดีเพียงเพราะรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่ที่นั่น ลูกชายและลูกเขยขอยืมไป เขาถูกฟ้อง ๗ ข้อหาจากการทำคดีมั่วโดยตำรวจ แล้วไม่มีใครยอมให้เขาแจ้งความจริงต่อศาล

สองวันก่อน (๒๔ ก.พ.) ศาลไม่ยอมให้ประกันตัว อ้างว่าจำเลย “ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย สร้างความวุ่นวายให้เกิดในบ้านเมือง” ซึ่งเป็นข้อหาที่เขาไม่ได้ทำ แต่ศาลไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้นเหมาเอาตามคำฟ้องว่าจำเลยผิดไปก่อนแล้ว

มิใยที่สิทธิในการได้ประกันตัวมี รธน.รองรับอยู่แล้ว ในหลักการแห่งความยุติธรรมถ้วนหน้า “ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” ควบไปกับ “สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม” ซึ่ง “แกนนำกปปส.ได้รับสิทธินี้ทุกคน”

ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลงานวิจัยดีเด่นในสาขาสังคมศาสตร์ แสดงความเห็นไว้บนทวิตเตอร์ว่า “หลังถูกฟ้องแล้วบางคนไปตั้งพรรคการเมือง บางคนถึงขั้นได้เป็นรมต. เพราะศาลยังไม่ตัดสิน จึงยังเป็นผู้บริสุทธ์

แต่หลักการนี้ไม่ถูกใช้กับคุณสมยศ ทนายอานนท์ หมอลำแบงค์ และพริษฐ์...กลับถูกคุมขังในคุก”โดยเฉพาะเพ็นกวิ้น “ไม่ได้รับโอกาสกลับไปเรียนหนังสือ เป็นนศ.ธรรมศาสตร์ตามปรกติ ทั้งที่คดีมีระวางโทษรุนแรงน้อยกว่ามาก”

กับที่วายร้ายไปมากยิ่งกว่า เป็น ภัยมืด ของผู้ถูกกล่าวหา หมิ่นประมาทสังฆราชเนื่องจากมหาเถรสมาคม “มีมติให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อ 'สามเณรโฟล์ค' (สหรัฐ สุขคำหล้า) ข้อหา “ใส่ความคณะสงฆ์ให้เสื่อมเสียหรือแตกแยก”


ใครที่ไม่ทราบ สามเณร ‘Folk Saharat’ ผู้นี้เป็นนักกิจกรรมประชาธิปไตยตัวยง ไปร่วมชุมนุมและขึ้นปราศรัยร่วมกับเยาวชนและคณะราษฎรบ่อยๆ จนกระทั่งมหาเถรฯ ออกแถลงกล่าวหา “ทั้งยังมีการขอความร่วมมือเรื่องนี้ไปยังทางตำรวจด้วย”

ก็ปรากฏว่า เมื่อเวลา ๑๗.๓๔ น.ของวันที่ ๒๕ ก.พ. เพจ 'แนวร่วมราษฎรศาลายาเพื่อประชาธิปไตยรายงานว่า “ตำรวจนอกเครื่องแบบ ๗ นาย ล้อมวัดสุทธิวรารามเพื่อตามหาสามเณรสหรัฐ และ...ก็ไม่สามารถติดต่อสามเณรโฟล์คได้อีก”

จนเมื่อ ๒๒.๑๖ น.แจ้งว่า “ทางทีมงานสามารถติดต่อได้แล้ว...สามเณรโฟล์คยืนยันว่าตอนนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย... ด้าน ‘คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่’ ประณามจี้หยุดกดทับสิทธิฯ เจ้าตัวยันไม่หยุดเคลื่อนไหว”

อะไรมันจะต้องคอยจ้องระมัดระวัง คนหาย กันถึงขนาดนี้ ใครที่ปากกล้าหน่อย แสดงออกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของมนุษยชาติ กลับต้องถูกคุมคามข่มเหงจาก นอกเครื่องแบบแทนที่จะได้รับการปกป้องโดย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ไม่ช้าคงเข้าอีหรอบเดียวกับเผด็จการพม่า ที่สามารถจูงจมูก กึ่งเผด็จการ ไทย ในการเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศหลัดๆ นี่ ซึ่งนายกฯ ไทยแก้เกี้ยวว่า “เขามาคารวะ” ที่ไหนได้แถลงการณ์คณะรัฐประหารหม่องประกาศ ไทยริกรี้มาชวนให้ไปเยี่ยมเอง

มุ่งหมายเพียงจะได้เศษเนื้อเสือดำจากเจ้าสัวอิตาเลี่ยนไทย โครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย ซึ่ง เทพเทือกไปกว้านซื้อที่ทำไร่ปาล์มน้ำมันรอเอาไว้นานแล้ว

(https://prachatai.com/journal/2021/02/91854, https://tlhr2014.com/archives/26327, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2689365218023020-R และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2918449391738775)