วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 21, 2564

คราวซวยของแผ่นดินและรัชสมัย จาตุรนต์ ฉายแสง พูดถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากข้อมูลของฝ่ายค้าน หากเป็นภาวะปกติ(ไม่มีแบ็ค) พรรคการเมือง จะต้องมีการถอนตัว ถึงขั้นรัฐบาลอยู่ไม่ได้


Chaturon Chaisang
Favorites · Yesterday at 6:35 AM ·

จุดตายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

วันนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 4 ถ้าจะให้ผมประเมินการทำหน้าที่ของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ผมคิดว่าในส่วนของฝ่ายค้านมีข้อมูลที่หนักแน่นและชัดเจนเป็นจำนวนมาก จนทำให้เห็นปัญหาในการทำงานของรัฐบาล ทั้งในแง่การบริหารที่ล้มเหลวและการทุจริตคอร์รัปชั่น

แต่กลับเป็นเรื่องที่แปลกมากครับ เพราะปกติหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีการให้คะแนนกันว่าประเด็นไหนชี้แจงได้เคลียร์หรือไม่ หรือประเด็นไหนยังไม่ได้ชี้แจง แต่รัฐบาลนี้ใช้วิธี “ไม่ชี้แจงเลย”

นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจใช้วิธีอยู่ 3 แบบ

1. พูดหลักการกว้างๆ ตอบคำถามโดยอ่านจากโพยที่เขียนมา โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่ไม่ชี้แจงประเด็นต่างๆ เลย แต่เน้นพูดแค่หลักการกว้างๆ อยู่ตลอด

2. พูดถึงนโยบายและสิ่งที่ตนตั้งใจจะทำหรือคิดจะทำ เหมือนกับการมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

3. ใช้วาทกรรม ใช้โวหาร ใช้ลีลาของการเป็นนักพูด แต่พูดเรื่องที่ไม่ตรงประเด็นกับที่ฝ่ายค้านอภิปรายไว้

เพราะฉะนั้น “รัฐบาลสอบตก” ในการชี้แจงครั้งนี้ และยังมี “จุดตาย” หลายเรื่องมาก ได้แก่

● เหมืองทองอัครา ● เป็นเรื่องชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์ทำผิดในฐานะหัวหน้าคสช. และพอจะไปแพ้ที่อนุญาโตตุลาการ รัฐบาลโดยกระทรวงอุตสาหกรรมจึงไปเจรจายกประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนให้ไปสำรวจที่รวมแล้วจะเป็นล้านไร่ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่พลเอกประยุทธ์จะต้องรับผิดชอบมากกว่าสองหมื่นล้าน ซึ่งการชี้แจงนี้นายกฯกลับชี้แจงไม่ได้ และพูดแค่หลักการทั่วไปในการให้อนุญาตทำเหมืองแร่เท่านั้น

● วัคซีน ● ล่าช้าและผูกขาดอยู่เพียงบางบริษัท เรื่องนี้จะส่งผลต่อสุขภาพความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนทั้งประเทศรวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งนายกฯ ชี้แจงไม่ได้เลย พูดแบบข้างๆคูๆ ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ไม่เข้าร่วมโครงการอย่างโคแวกซ์เหมือนที่ร้อย ๆ ประเทศเข้าร่วม ยิ่งละเลยต่อไปเรื่องนี้จะกระทบไปถึงเรื่องเศรษฐกิจซึ่งฝ่ายค้านก็ให้ข้อมูลได้มากว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจมากมายมหาศาลเพียงใด

● ถุงมือยาง ● ผิดทั้งในแง่ไม่ทำตามนโยบายที่จะส่งเสริมการแปรรูปยางพารา และการไปทำสัญญากันปลอมๆเป็นแสนล้านเพื่อจะเอาเงินออกไป ที่สำคัญคือฝ่ายค้านพูดให้เห็นว่าผู้ที่ไปดำเนินการเป็นคนที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับรัฐมนตรี และตรงนี้รัฐมนตรีก็ชี้แจงไม่ได้

● ที่ดินรถไฟบุรีรัมย์ ● ชัดเจนว่าศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินของการรถไฟ ใครจะมามีเอกสารสิทธิ์ไม่ได้ แต่ในที่ดินนั้นกลับมีที่ของรัฐมนตรีอยู่ด้วย และเป็นเหมือนเคยที่การชี้แจงก็ไม่ตรงประเด็นเลย

● การยกเลิกประมูลรถไฟสายสีส้ม ● ถ้าฟังดูแล้วเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแน่นอน เพราะไม่สามารถยกเลิกตามอำเภอใจกันได้แบบนี้ และคณะที่ยกเลิกก็เป็นคณะที่ประชุมกันอยู่โดยบุคคลที่ไม่ควรเข้ามาในที่ประชุม ทั้งมีการคัดค้านโต้แย้งโดยสำนักงบประมาณแต่ก็ไม่ฟัง แม้กรณีนี้จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีแน่ แต่ปัญหาก็คือมันเป็นความผิดในการบริหารงานของรัฐมนตรี และกลับชี้แจงไม่ได้เช่นเดียวกัน

ในการอภิปรายครั้งนี้ ถ้าถามว่าแล้วรัฐบาลจะผ่านไหม จะยกมือกันอย่างไร คงต้องดูฝ่ายค้านอภิปรายต่อไปถึงขั้นสรุป

หากเป็นในภาวะปกติที่พรรคการเมืองต่างๆคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน จะต้องถึงขั้นมีการถอนตัว และถึงขั้นรัฐบาลอยู่ไม่ได้

แต่ครั้งนี้พิเศษตรงที่ว่าพรรคแกนนำของรัฐบาลโดนหนัก นายกรัฐมนตรีโดนหนัก และพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพรรคใหญ่ก็โดนหนักเช่นเดียวกัน ทั้งหมดชี้แจงไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะเสียงแตก ไม่ยกมือให้กัน หรือรัฐมนตรีบางคนเสียงน้อยผิดปกติ “ก็คงไม่เกิดขึ้น”

แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่จะเป็นประโยชน์คือประชาชนได้ข้อมูลข้อเท็จจริง แล้วจะเป็นคนตัดสินว่ารัฐบาลนี้ควรที่จะบริหารประเทศต่อไปหรือไม่? รัฐมนตรีคนไหนควรที่จะได้รับการไว้วางใจให้เป็นรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่อย่างไร?
.....
Noppakow Kongsuwan
February 17 at 10:08 PM ·

นั่งดูเลขาเพื่อไทย "ส.ส.ประเสริฐ โคราช" อภิปรายรองนายกฯ "จุรินทร์ ประชาธิปัตย์" พรึ่บทั้งเอกสาร แชทลับ คลิปเสียง แฉทุจริตถุงมือยาง ช่วงขาดแคลน จนต้องขอรับบริจาค โยงตั้งคนมาวางแผนทุจริตเป็นระบบ กว่า 2 พันล้าน เรียกว่าไม่ผิดหวัง ทำได้ดีเกือบทุกคน สำหรับ "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" รอบนี้

ส่วน "จุรินทร์" ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ลุกขึ้นมาตอบแบบประชาธิปัตย์สไตล์ ชี้แจงแบบไม่ได้ตอบข้อซักถาม อ้างอำนาจบอร์ด อคส. (องค์การคลังสินค้า ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง) เป็นอำนาจแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับตัวเองเพียงคนเดียว ประมาณว่า กูจะไม่ตายเพียงคนเดียว จะตาย ต้องตายทั้ง ครม.?

อ้าว แบบนี้เท่ากับว่า หากพบว่ามีการ "ทุจริตจริง" ต้องลาออกจาก ครม. ทั้งคณะ ไหมหละ เพราะต้องรับผิดชอบทั้งรัฐบาล
???
.....
Prab Laoharojanaphan
Yesterday at 11:14 AM ·

ข้อสังเกตอภิปรายไม่ไว้วางใจ 64

(1) พรรคเพื่อไทยทำงานดีผิดหูผิดตามากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งไฮไลท์อย่างเหมืองทองอัครา และทุจริตถุงมือยาง รวมทั้งงานโซเชียลมีเดียพรรคที่พลิกหน้าตาแบบสุดๆ ทำให้น่าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคเพื่อไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา และในด้านหนึ่ง ก็เห็นพลังของมวลขนาด หรือ “ความใหญ่” ของพรรคเพื่อไทย ที่เอาจริงๆไม่จำเป็นต้องแหลม หรือถึงกับต้องก้าวหน้าผลักเพดาน แต่ขอแค่ทำหน้าที่ให้ดีและมีประสิทธิภาพในสิ่งที่ถนัด ไม่เป็น laggard ของขบวนการแต่เป็นฐานของแมสที่หนักแน่น เพียงเท่านี้ก็สร้างความหวังให้กับคนจำนวนมากได้แล้ว โดยเฉพาะฐานเสียงชาวบ้านที่ผูกพันมากว่า 20 ปี

(2) พรรคก้าวไกลยังรักษาคุณภาพได้ดีเช่นเดิม และการที่ฝ่ายค้านร่วมกันปูพรมมาได้ดี ยิ่งเรียกคนมาติดตามการอภิปรายตลอดสามวันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เรื่อง “ตั๋วช้าง” ของโรมในวันนี้ เป็นนาทีประวัติศาสตร์มากๆ

(3) สุดท้าย เราคิดว่าสิ่งสำคัญที่ควรเน้นย้ำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คือบรรยากาศการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้านที่สู้ในเรื่องเดียวกัน แน่นอนว่าเบื้องลึกเบื้องหลังต้องมีการต่อรองเจรจา ต้องมีดราม่ากันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในภาพใหญ่เราสามารถมี friendly competition ที่สร้างสรรค์ได้ โดยไม่ทำลายกันเองอย่างน่าเกลียด เราสามารถเป็น Apple-Google ที่ร่วมมือกันบ้าง แข่งขันกันบ้าง แต่ให้เกียรติต่อกันเสมอ

ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยไม่สามารถรักษาบรรยากาศแบบนี้ไว้ได้แล้วเติบโตไปด้วยกัน
ต่อให้มีอีกร้อยโรม
ก็ไม่มีวันชนะ
.....

อั้ม อิราวัต อารีกิจ
18h ·

หลายคน เคยต่อต้านทักษิณ
สมัยเป็นรัฐบาลพรรคเดียว #มีอำนาจคับสภาฯ
แต่สมัยนั้น ต่างกันที่อำนาจนี้มาจากประชาชน
และไม่ว่าจะดีหรือเลวอย่างไร ก็แค่ 4 ปี
ประชาชนเป็นคนเลือก
เลือกแบบไม่ต้องติดกับดักรัฐธรรมนูญ
ไม่ต้องติดกับดัก ส.ว.250 เสียง
บัตรเขย่ง องค์กรอิสระตั้งกันเอง
ระเบียบการนับคะแนนโกง ฯลฯ
เรื่องที่ต่างกันที่สุด ในยุคสมัยนั้น
คือ #คุณภาพชีวิตประชาชน
สมัยทักษิณ แผ่นดินพลิกฟื้นทุกมิติ
ปลดหนี้ที่มีคนเคยพูดไว้ว่า ใช้ยันชาติหน้าก็ไม่หมด
เด็กเรียนอย่างสนุก เล่นอย่างมีความรู้
ผู้ประกอบการเติบโต หยิบจับอะไรก็เป็นเงินทอง
ยาเสพติดซบเซา ปรามปรามจริงจัง
เจ็บไข้ได้ป่วย ประชาชนมีสวัสดิการ
ไม่ต้องไปบากหน้าไหว้ขอใคร
จัดการวิกฤติภัยธรรมชาติ โรคระบาด
ได้อย่างน่าพอใจ และเข้าถึงปัญหา
ทรัพยากรในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ที่เคยไร้ค่า
ก็กลายเป็นสินค้า OTOP ที่ทำเงินมหาศาล
การคมนาคม สื่อสาร ไปไกลสุดขอบโลก
นายกรัฐมนตรีไปไหนมาไหน น่าภูมิใจ
คนทั่วโลก รู้จักและชื่นชม ในวิสัยทัศน์
ประเทศกำลังก้าวเข้าสู้ผู้นำอาเซียน
————————————————
ตัดภาพกลับมา..
รัฐบาลตอนนี้ ที่มีความคล้ายกัน
คือ #เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจคับสภา
ชนิดที่เรียกว่าฝ่ายค้าน #พวกมึงซักฟอกไปเถอะ
โหวตยังไง กูก็ชนะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร
ส่งเรื่องไป องค์กรตรวจสอบก็พวกกู กูตั้งมา
พวกมึงหาข้อมูล พูดไป 3 ชั่วโมง
กูออกมาบอกนาทีเดียว ว่า “ไม่จริง” คือจบนะ
อำนาจคับฟ้า คับสภาฯ เหมือนสมัยไทยรักไทย
แต่ดันไม่คัดลอกสิ่งดีๆ ของสมัยนั้นมา
ทำแต่สิ่งที่เคยด่าทักษิณไว้ เคยเอาเป็นเหตุไล่เขา
- สภาสูง คัดมาจากมือเผด็จการ
- สภาผัวเมีย เครือญาติ แต่งตั้งกันเต็มไปหมด
- ทุจริตแบบมโหราฬ ตรวจสอบไม่ได้
- ตั้งองค์กรอิสระเพื่อพวกพ้อง
- ไม่เคยรับผิดชอบใดๆ
- ฯลฯ
พวกท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนกัน
แต่ต่างกันตรงที่ พวกท่านเข้ามาโกยอย่างเดียว
ไม่สนปากท้อง ชีวิตความเป็นอยู่ผู้คน
โยนเงิน โยนงบแผ่นดิน ดั่งเศษอาหาร
การศึกษาพัง เศรษฐกิจพัง สุขภาพพัง
และที่สำคัญที่สุด ที่พังทลายลงทุกวัน
คือ #กระบวนการยุติธรรม
———————————————
มีเรื่องเล่าว่า #ตั๋ว ที่กำลังพูดถึงกัน
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ “อดีตนายกฯ” อยู่ไม่ได้
ครั้งหนึ่งรายชื่อการโยกย้ายตำแหน่ง
มาถึงมือ “อดีตนายกฯ” ในสมัยนั้น
แต่เมื่อไม่เป็นไปตามระบบ ระเบียบราชการ
อดีตนายกฯ คนนั้น จึงต่อสาย ฝากข้อความ
ให้ผู้ที่ส่งรายชื่อมาว่า..
“ท่านครับ ประเทศไทยเราตอนนี้
ขอให้มีนายกรัฐมนตรี คือผมแค่คนเดียวเถอะ
ท่านพักเถอะ ท่านเป็นนายกฯมาหลายปีแล้ว..”
ประโยคนี้ เป็นที่มาของชนวนการไล่อดีตนายกฯ
และทำกันเป็นกระบวนการ สอดรับกันทุกองค์กร
ตั้งแต่เรื่องอำนาจเบ็ดเสร็จ ทุจริตโกงกิน คอร์รัปชั่น
ลามไปถึงข้อหาล้มเจ้า..
จนอดีตนายกฯ อยู่ประเทศไทยไม่ได้
และแม้ว่า “ท่าน” ในวรรคบน จะล่วงลับไปแล้ว
แต่ #อดีตนายกฯ ก็ยังกลับบ้านไม่ได้.