เขาบอก “เพียงแต่อเมริกาเป็นหน้าคนไม่ซ้ำกัน – ถึงเวลาไทยนำหน้าสามัญชนที่ทำคุณให้ประเทศขึ้นธนบัตรบ้างหรือยัง...ปล. ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ดี” เราว่ายังไม่ต้องถึงขนาด ‘สามัญ’ ไม่เป็นไร เอารูปประมุขตั้งแต่ต้นราชวงศ์ก็ได้
จะเป็น ‘นายทองด้วง’ หรือย้อนไปนิด เอาพ่อ ‘เจ้าฟ้าเหม็น’ ก็ยังไหว หรือถ้าใช้รูป ร.๖ ในฐานที่ทรงเป็น LGBT ยิ่งดีใหญ่ เข้ากับยุคสมัย ‘สายรุ้ง’ นี้ โดยเฉพาะมีรูป ร.๘ ด้วยคงดี จำได้คนยุคนั้นเล่าว่าทรงเป็นยุวกษัตริย์ที่น่ารักมาก แถมทรง ปชต.สุดๆ ขนาดอยากลงเลือกตั้ง
เอาเถอะ ว่ากันไปไทยๆ เดี๋ยวก็ลืม ไหนๆ เขาบอกว่าพิมพ์ออกมาแค่ให้เป็นที่ระลึก (ไว้เก็บใส่ไหมั้ง) ใบร้อยตั้ง ๒๐ ล้านฉบับ มูลค่า ๒ พันล้านบาท ส่วนใบพัน (ใหม่) ขนาดใหญ่มาก คงตั้งใจให้บูชาเหมือนธนบัตรที่ระลึกสมัย ร.๙ สิบล้านใบก็ ๑ หมื่นล้านบาท
ถ้าจะมีปัญหาก็คงตรงที่พิมพ์แบ๊งค์ออกมา ๑๒,๐๐๐ ล้านบาทนี่สอดคล้องการคลังประเทศแค่ไหน ยิ่งยุคนี้หนี้สาธารณะเยอะ ภาษีเก็บได้ไม่แยะ และรัฐบาลทั่นใช้เงินเก่งชิหาย ต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศให้เศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเหรอ
อันนี้แค่ถามตามประสาชาวบ้าน ไม่รู้จักทฤษฎีดีมานด์-ซัพพลายอะ พอดีเห็นคนที่เขารู้เรื่องเท็คและอ้าร์ตได ใช้ชื่อ Armando Barnaby เขียนโพสต์ว่า “เฮ้ยชิบหายแล้วไง...ธนบัตร ๑๐๐ สีเหลือง ไม่มีกลุ่มดาว EURion (ยูไรอัน) ป้องกันสแกน ป้องกันปริ๊น”
เขาลองเอาเข้าโฟโต้ช้อป เฮ้ ก็อปได้สบายมาก ‘ผ่านฉลุย’ คือถ้ามีไอ้ยูไรอัน ‘Constellation’ โค้ดป้องกันจำเพาะตัวใครตัวมันอย่างที่ว่า เอาเข้าเครื่องถ่ายเอกสารหรือเข้าโปรแกรมโฟโต้ช็อป จะถูกแอ็พซ้อฟแวร์ดักสกัด “ไม่สามารถตัดต่อได้”
รายนี้เขาเลยเป็นห่วง “ถ้าเป็นแบบนี้จริง ล้มละลายแน่นอนครับ หาเงินเข้าประเทศไม่ได้ ผลิตเงินออกมา ไม่กี่ปีเงินเฟ้อ เจ๊ง ประเทศชิบหายเหมือนประเทศเวเนชุเอรา” เอาเถอะ (อีก) น่ะ หยวนๆ ไปแล้วกัน ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่า พวกเด็กยังห่ามๆ จะเลิก ๑๑๒
นักเรียนแท้ๆ ‘นารีรัตน์จังหวัดแพร่’ แปรอักษรงานกีฬาสีออกมาได้ไง เลข ‘112’ แถมร้องเพลงสนุกกำลังจะฮิต ‘เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ’ ทั้งหมดนั่น “รณรงค์หนุนประชาธิปไตย และ #ยกเลิก ม.112” ก็เลยต้องส่งตำรวจไปกดดันผู้อำนวยการ ร.ร.
ขอรายชื่อมา จะเอาไปฟ้องคดี ๑๑๒ เหมือนพวกแกนนำเยาวชนคณะราษฎร ๖๓ แต่อีกแหละ จับไม่ได้ ไล่ไม่ทันหรอก เด็กยุคนี้หัวไวกว่าผู้ใหญ่ไดโนเสาร์ เขาเอากระดาษเขียนข้อความประชดไปแปะบนรถจอดหน้าโรงเรียน ให้สาธารณะรับรู้
กับการรณรงค์ทางโซเชียลของผู้สนับสนุนการ ‘ปลดแอก’ ของเด็ก กระหึ่มละสิ มิหนำซ้ำมีผู้ปกครองช่วยเสริม ประกาศว่า “การล่ารายชื่อแล้วไปแจ้งความดำเนินคดีกับเด็กๆ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง...ถ้ามีการกระทำแบบนั้นจริงๆ จะแจ้งความดำเนินคดีกลับ คนที่เอารายชื่อไปค่ะ”
ว่าไปเรื่องต้าน ๑๑๒ ไม่ใช่ของใหม่ เคยมีการรณรงค์ครั้งใหญ่มาแล้ว หลังมีคดี ‘อากง SMS’ ที่ลุงอำพลถูกตัดสินจำคุก ๒๐ ปี ข้อหาส่งข้อความผ่านโทรศัพท์หมิ่นกษัตริย์ ทั้งที่อากงใช้เอสเอ็มเอสยังไม่เป็น แล้วผู้ต้องหาสูงอายุมีโรคร้ายติดตัวก็ไปตายในคุก
การรณรงค์ครั้งนั้นมีทั้งนักวิชาการ นักกิจกรรม นักเขียน บุคคลสาธารณะ เป็นแกนนำจำนวนมาก รวมทั้งประชาชนทั่วไปทั้งสิ้น ๒๖,๙๖๘ รายชื่อ สามารถไปยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรตอนนั้นเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ หลังจากที่เริ่มกระบวนการก่อนนั้นมาหลายเดือน
ทว่าสภาฯ ยุคนั้นปราศจากไขสันหลัง เช่นเดียวกับสภาตู่ตั้ง สว. ‘สันหลังหวะ’ ๒๕๐ คน ที่ปักหลักต้านการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เจาะจงแน่วแน่ห้ามแตะอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องพระราชอำนาจ (ใหม่) และ/หรือพระราชจริยวัตร (ไม่ใหม่) ของกษัตริย์
“สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้วินิจฉัยว่า” ข้อเสนอแก้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ นั้น “ไม่ใช่กฎหมายที่ประชาชนจะมีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอได้ ตามมาตรา ๑๖๓ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐”
แม้จะมีความพยายามอุทธรณ์ตอนต้นปี ๒๕๕๖ กันอีก ว่า ม.๑๑๒ “ใช้จำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ปีถึง ๑๕ ปี ก็เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย” สภาฯ ยุคนั้นก็ยัง ‘จ่าเฉย’ แต่ไม่ห้าว
พอถึงปลายปีก็มี ‘ม็อบเส้นก๊วยจั้บ’ เป่านกหวีด ปิดกรุงเทพฯ ตั้งกรวยสมีฟรีด้อม กวักมือเรียกทหารเข้ามายึดอำนาจตอนใกล้สิ้นไตรมาสแรกปี ๕๗ ข้อเรียกร้องแก้ ๑๑๒ ก็เลยจบเห่ จนกระทั่งด้วยพระบุญญาบารมีรัชกาลนี้ละมัง การรณรงค์จึงได้กลับมาใหม่
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164762667620551, https://prachatai.com/journal/2020/12/90794, https://www.facebook.com/pumin.nontanun/posts/1541155022750351 และ https://www.facebook.com/pravit.rojanaphruk.5/posts/2972976636263501)
