วันจันทร์, ธันวาคม 21, 2563

เหตุผลที่ ทราย เจริญปุระ อยู่ในสายตาหน่วยงานความมั่นคงมานานแล้ว



อานนท์ นำภา
14h ·

จริงๆ พี่ทราย เจริญปุระ อยู่ในสายตาหน่วยงานความมั่นคงมานานแล้ว
เหตุผลคือ เขาเข้าใจว่าชื่อทรายเรียกเพี้ยนมาจาก “ซ้าย” ซึ่งซ้ายมันเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายขวา รวมทั้งชื่ออินทิรายังไปพ้องกับอินทิรา คานธี ด้วย
แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่เลือกจับทรายด้วย ม.112 คือ ราษฎรเรียกพี่ทรายว่า “แม่ยกแห่งชาติ” ซึ่งชนชั้นนำไทยเชื่อว่า คำว่ายก หมายถึงยกคนให้เท่ากัน ชนชั้นนำไทยจึงกลัวมาก
#สายมูต้องมา
ooo

ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส
6h ·

"มึง ไปดูดบุหรี่กัน "
.
คือคำแรกที่พี่ทราย เจริญปุระ พูดกับกูตอนเจอกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน แล้วเราก็ไปนั่งๆยืนๆดูดบุหรี่กันกลางย่านคนพลุกพล่านแห่งหนึ่งโดยที่กูยืนนึกในใจ อีเจ๊นี่แม่งเป็นดาราเหรอวะ ปรกติดาราแม่งต้องคีพลุคสัสๆ มึงจะมายืนดูดบุหรี่กับคนหน้าส้นตีนอย่างกูสองต่อสองไม่ได้!! ก็รู้แหละว่าคงไม่มีใครคิดว่ากูเป็นผัวเจ๊แกหรอก แต่คือเราห้ามความคิดคนไม่ได้ ร้อยคนมันจะมีซักคนแหละที่คิดว่า อีดาราคนนี้แม่งหาผัวดีกว่านี้ไม่ได้เลยเหรอ แต่คือเจ๊แกไม่ได้แคร์เหี้ยไรแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวกูยังตั้งคำถามในใจว่า เจ๊แม่งเป็นคนยังไงวะ กูเป็นคนธรรมดายังพยายามคีพลุคชิบหายเลย
.
วันนั้นเจ๊ทรายตอบรับคำเชิญมางานมีทติ้งปาร์ตี้เล็กๆให้เพจตั๋วร้อน ไอ้สัสกูยืดมาก ได้เจ๊ทรายมาเป็นแขกเซอร์ไพรส์ ขนาดคนในงานยังตกใจว่าไปดีลเจ๊ทรายมาได้ไง แต่จริงๆคือมันเป็นงานเปิดตัวร้านหนังสือแห่งหนึ่งที่รู้จักกับเจ๊ทราย มันเลยดูเป็นงานเปิดตัวร้านหนังสือมากกว่าเป็นงานมีทติ้งเพจกากๆเพจหนึ่ง แต่ช่างแม่งเหอะ กูได้ดำเนินรายการร่วมกับนางนาก เท่านี้ก็เป็นเกียรติประวัติแก่ชีวิตแล้ว จบงานเจ๊บอก มึงอย่าคิดมาก กูมาก็คือกูมา
.
หลังจากนั้นเราก็พูดคุยปรึกษากันบ้าง เจอกันตามหน้าเฟซ ตามงานหนังสือ และเป็นเจ๊ที่ส่งข้อความมาถามไถ่ตลอดในวันที่กูแย่ๆว่ามึงไหวมั้ย ให้กูช่วยอะไรรึเปล่า กูห่วงหลาน(ลูกสาวกูที่กูขอตั้งชื่อตามนาง) ปรึกษาเรื่องงานแสดง งานแคสบทนั่นนี่ แล้วแต่วาระ มีด่ากูบ้าง
.
พี่ทราย คือคนที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความง่ายๆ กับ ความซับซ้อน แต่คนที่รู้จักกันจริงๆจะขีดเส้นเองโดยอัตโนมัติ พี่ทรายบัญญัติศัพท์ส่วนตัวให้ความล้ำเส้นทั้งหลายทั้งปวงว่า "อู๊ดอี๊ด" เป็นศัพท์น่ารักๆแต่แฝงไปด้วยความเชือดคอ คือมึงไม่ควรมาอู๊ดอี๊ดกับกูไม่ว่าจะสนิทแค่ไหน ชอบผลงานกูขนาดไหน ถึงขั้นที่ว่ามีใครเปิดเพลง"สายลมที่หวังดี" ให้แกในที่สาธารณะที่แกอยู่ เห็นเจ๊มีใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นคือบางทีเจ๊ก็มานั่งบ่นกับน้องๆเพื่อนๆว่า สัสเอ๊ย กูแปลกๆว่ะ
.
แต่ผู้หญิงคนนี้ด้วยความที่เป็นทั้งดารา เป็นทั้งนักร้อง เป็นทั้งผู้ที่ออกมา Call out ในเรื่องอยุติธรรมทั้งหลายทั้งปวง บวกกับเป็นซึมเศร้าอีกด้วย นางต้องพยายามอย่างหนักที่จะปั้นหน้าไปตามบทบาทที่ทุกๆคนมอบให้ ทั้งที่ลึกๆแล้วคือกูแค่อยากดูดบุหรี่ จิบเบียร์ นั่งเม้ามอย สบถคำหยาบ อ่านหนังสือที่ชอบ ในพื้นที่ที่กูสบายใจ ไม่ได้อยากออกไปเจอแสง หรือให้คนกอดคอถ่ายรูป เพราะในชีวิตคือนางแม่งเจอแสงมาเกือบทั้งชีวิต เพราะเป็นทั้งนางเอก เป็นทั้งลูกสาวนักแสดงระดับตำนานอย่างพ่อรุจน์ (รวมถึงเป็นตัวเปรียบเทียบของพี่สาวนักร้องนักแสดงคนดังด้วย)
.
การออกมายืนข้างฝั่งประชาธิปไตยของนาง ไม่ใช่ออกมาตามกระแส นางเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ไม่มีเอนเอียงตามกระแส แต่ยึดมั่นความเป็นคนเท่ากัน ที่ไม่ใช่ยึดมั่นแค่ปาก แต่ลงไปทำ ทำ แล้วก็ทำ โดยไม่ได้แคร์สิ่งที่ตามมาใดๆ ทั้งหน้าที่การงาน และคนรอบๆข้างที่รู้จักกัน แน่นอนว่ารอบๆตัวมีแต่ชนชั้นกลางไปยันชนชั้นสูง
.
เจ๊ทรายมีกลุ่มเพื่อนมิตรสหายฝั่งลิเบอรัลมากมาย ซึ่งนางสามารถไปนั่งไขว่ห้างเสวนาเรื่องการเมืองประชาธิปไตยฝีแปด ถ่ายรูปเก๋ๆได้ แค่นี้คนทั่วไปก็รับรู้ได้แล้วว่านางอยู่ฝั่งประชาชน แต่..... ลูกบ้าบวกกับลูกแค้นของนางไม่ได้หยุดอยู่ที่การนั่งไขว่ห้างเป็นปัญญาชน เจ๊เสือกลงมาลุยกับคนรากหญ้าจริงๆ ลงมาสู้กับเด็กจริงๆ เดินตะลุยฝ่าม็อบจริงๆแล้วกลับไปแดกยาประสาทที่บ้านเอา อิเหี้ย!! เจ๊แม่งบียอนด์ไปแล้ว กูคิดในใจ มึงช่วยเซฟตัวเองบ้างนะเจ๊ เปลืองตัวไปแล้ว
.
แม้แต่ตัวกูกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆเองที่มายืนเคียงข้างกันในการต่อสู้ทุกวันนี้ ก็ทำได้แค่กันคนที่ไม่ประสงค์ดีที่จะเข้ามาทำร้ายนางเท่านั้น(ซึ่งคนคลั่งมันเยอะ) แต่จะไปห้ามความคิดนางไม่ได้ นางจะทำเหี้ยอะไรก็เออ พวกกูตามๆดูละกัน ใครแหลมมาแปลกๆนี่คือฟาดให้ แม้จะเป็นป้าๆลุงๆฝั่งเดียวกันที่มาอู๊ดอี๊ด ไม่ใช่เพราะเจ้ายศเจ้าอย่างอะไร แต่เพราะกลัวเจ๊เสือกรำคาญอู๊ดอี๊ดแล้วท้อ มันจะไม่มีใครเป็นด่านหน้า เป็นขวัญกำลังใจให้น้องๆต่อเอานะ ไม่รู้ล่ะ ยอมรับว่าอาการซึมเศร้านี่กูกลัวสัส กลัวว่าเจ๊แกจะเหนื่อย จะถอดใจ กูแม่งก็ไม่เคยเป็นไอ้โรคห่านี่ เลยไม่รู้จะยังไง
.
แต่คือมึง เจ๊แม่งเสือกไปต่อ และไปสุดตีนกว่านั้น กูล่ะเชื่อเลย นี่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นอาการทางประสาทของเจ๊แกรึเปล่าวะ แต่คือคนประสาท คนเป็นซึมเศร้าบ้าอะไรแม่งสติดีกว่าคนที่เรียกตัวเองว่าคนปรกติ หรือเรียกตัวเองว่า"คนดี"เสียอีก
.
ใครตามเพจตั๋วร้อนมาตั้งแต่ยุคแรกๆจะรู้โดยทั่วกันว่ากูเรียก ทราย เจริญปุระ ว่าแม่มาตั้งนานแล้ว ถึงขนาดขอเอาชื่อนางมาตั้งชื่อลูก มีคนทักว่ากูตั้งชื่อลูกตาม อินทิรา คานธี สตรีเหล็กแห่งอินเดีย แต่กูบอกเลยว่ากูตั้งชื่อลูกสาวตาม อินทิรา เจริญปุระ แล้วตั้งไว้ตั้งแต่นางยังเป็นดารา นักร้อง นักคิด นักเขียน โดยไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าวันหนึ่งนางจะเดินมาถึงการเป็น "แม่ยกแห่งชาติ" แบบทุกวันนี้ ไม่รู้จะเรียก "สตรีเหล็กแห่งไทยแลนด์" ได้มั้ย เพราะเจ๊แกก็ถือว่าการเขียนอวยเว่อร์วังว่าเป็นความอู๊ดอี๊ดเหมือนกัน แต่จะให้กูเขียนถึงแกยังไงวะ ในวันที่แกโดนอะไรที่ไม่สมควรโดน เอาเป็นว่ากูขอเป็นหนึ่งในคนอู๊ดอี๊ดในชีวิตนางละกัน แต่กูรักเจ๊หมดใจ ทั้งในฐานะนักต่อสู้ และพี่น้อง
.
แต่ขอย้ำนะว่าการไปยืนให้คนเรียงคิวถ่ายรูป และพูดให้กำลังใจนั่นนี่ แม่งก็ยังเป็นความอู๊ดอี๊ดในชีวิตแกเหมือนเดิม แต่ทำไงวะ คือแม่งก็ต้องทำ มาขนาดนี้แล้ว ย้อนกลับไปในวันแรกที่เจ๊แกพูดคำแรกกับกูคือ "มึง ไปดูดบุหรี่กัน " กูก็น่าจะรู้ตั้งแต่นั้นมาแล้วว่าเจ๊แกไม่ได้แคร์ตัวเองมากกว่าความสบายใจของคนที่พบเจอใจชีวิตเลย
.
*** ที่ควรรู้คือเบียร์ยี่ห้อประจำของเจ๊ทรายคือเบียร์ราคาถูก และแกสูบบุหรี่ราคาถูกเช่นกัน เผลอๆคนจนอย่างกูดูดบุหรี่แพงกว่าเจ๊ด้วยซ้ำ หลังๆเจ๊ไม่ค่อยได้ดื่มแล้ว เพราะให้เหตุผลว่า มึง ค่ายามันแพงกว่าค่าเบียร์!!