วันศุกร์, มกราคม 10, 2563

"สังคมกำลังป่วยหนัก" เปิดสอนวิชา ‘รักชาติยิ่งชีพ’ ในสถานอุดมศึกษา


ยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างหนักหน่วงภายใต้รัฐบาล คสช. ๑ และ ๒ ที่ฝ่ายค้านพยายามยื่นญัตติอภิปรายตัดงบประมาณอย่างไรก็ไม่เป็นผล เพราะถูก ๒๕๑ เสียงข้างมากลากไปนี้ สังคมกำลังป่วยหนักด้วยความเหี้ยมหฤโหดของโจรผู้ร้าย
 
เท่านั้นไม่พอมีความพยายามครอบงำความคิดความอ่านผู้คนวัยเรียน ด้วยการเสนอเปิดสอนวิชา รักชาติยิ่งชีพในสถานอุดมศึกษา โดยจัดผู้บรรยายพิเศษจากบรรดาผู้สนับสนุนการสืบทอดอำนาจรัฐประหารตัวเอ้ๆ ทั้งนั้น ไม่เว้นนักยึดอำนาจเอามาให้ หมาคาบไปแดกอย่าง สนธิ บังบุณยรัตกลิน

นำด้วย เหรียญทอง แน่นหนา งี้ สุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีต พุทธะอิสระฉายากรวยมหากาฬ เอย เสรี สุวรรณภานนท์ สว.ตู่ตั้งที่ประกาศห้ามแก้ไข รธน.ในส่วนวุฒิสภา อีกทั้ง อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารที่ชอบพูดให้ร้ายก้าวก่ายพรรคการเมือง

แล้วยัง อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี แม่ตัวดีที่ดัน วิ่งเชียร์ลุงกับ กนก รัตนวงศ์สกุล ชัย ราชวัตร เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ทำให้เนชั่นกลายเป็นเนชั่ว วันชัย สอนศิริ เจ้าของคำคม “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”

รวมทั้ง วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าว สายรกทหาร สนธิ ลิ้มทองกุล นักล้มบนฟูกแม้กระทั่งในคุก อิทธิพร บุญประคอง กกต.ขี้ปลิ้นปล้อน สุเทพ เทือกฯ จอมตระบัดสัตย์แม้กระทั่งตอนห่มผ้าเหลือง และขาดไม่ได้ต้อง เต้มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ผู้ชำนัญการสลับขาหลอก ทำทีจะเป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่ไม่ช้าก็กลับมาเป็นลิงกินกล้วยธรรมดา

ดูหลักสูตรที่ ดร.ภาคภูมิ ทรัพย์สุนทร เจ้าของภาควิชากำหนดขึ้นแล้วนึกว่าเป็นของชั้นประถม ๓-๔ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่พิษณุโลก ซึ่งตีกรอบ แนวคิดของความเป็นชาติไทย การพิทักษ์และพัฒนาชาติอย่างถูกวิธี และการแสดงความรักชาติ

ประเด็นหลังนี่เกือบไปแล้ว ถ้าโรงเรียนในข่ายทรัพย์สินของ ม.ธรรมศาสตร์ แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยูที่จังหวัดปทุมธานี ไม่หยุดมาตรการจับผิดนักเรียนร้องเพลงชาติเสียงเบาไปเสียก่อน คงได้เห็นนักศึกษาแหกปากร้องเพลงชาติกันระงม
 
กองงานสารวัตรนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว เริ่มใช้มาตรการตรวจจับระดับเสียงเมื่อวันก่อน โดยดูจากแถบสีบนแอ็พพลิเกชั่นโทรศัพท์มือถือ ‘Decibel X’ ตาม ‘color code’ ที่กำหนดว่า สีเขียวเสียงดังดี ๘๕-๙๐ เดซิเบล ผ่านร้องรอบเดียวพอแล้ว

แต่ถ้าเจอสีส้ม ๘๐-๘๕ เดซิเบลต้องร้องสองรอบ และสีแดง แค่ ๘๐ เดซิเบลสอบตกต้องซ่อม โดนให้ร้องหนที่สาม อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมอ้างว่าที่ทำอย่างนั้น “เพื่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเท่านั้น”

หลังจากที่เริ่มมาตรการได้วันเดียวก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันขรม จนเมื่อวาน (๙ มกรา) ปรากฏว่าทางโรงเรียนได้สั่งระงับการวัดระดับเสียงเพลงชาติหน้าเสาธงนั้นไปแล้ว


มีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่าการสอนให้รักชาติแบบนี้ เป็นการฝังหัวความคลั่งไคล้ ไม่ต่างอย่างไรกับในประเทศเกาหลีเหนือ ที่บังคับประชาชนเป็นหุ่นยนต์แสดงความนบนอบและใหลหลงในผู้นำ ด้วยการหัวเราะและร้องไห้เพื่อแสดงความดีใจหรือเสียใจอย่างพร้อมเพรียง