‘ข้อมูลเด็ด’ ที่อดีต กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร นำมาเปิดนี่ร้อนแรง ไม่เพียงเป็นการยืนยันอีกกรณีว่ากรรมการเลือกตั้งชุดนี้ที่
คสช.ตั้ง ไม่เพียงผิดพลาดธรรมดา แต่มีความลำเอียง
จงใจบิดเบี้ยวหลักปฏิบัติและกฎหมาย ให้คุณแก่พวกประยุทธ์ และให้โทษแก่พรรคตรงข้าม
ข้อมูลดังกล่าวเป็นรายชื่อและหลักฐานการกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองต่างๆ
๑๘ ราย รวมทั้งพรรคอนาคตใหม่ และ มี ๖ พรรคในจำนวนนั้นเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หาก
กกต.เห็นว่าการกู้เงินของพรรคเป็นความผิด ก็ต้องเอาผิดทั้ง ๑๘ พรรค
ไม่ใช่แค่ ‘ชงเรื่อง’
ความผิดของพรรคอนาคตใหม่ที่กู้เงินจากหัวหน้าพรรค ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ
‘ฟัน’ เพียงรายเดียว ส่วนที่เหลือ “แต่หากบอกว่า
‘ไม่ผิด’...ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง
และ กกต. ๕ ใน ๗ ที่ลงมติส่งฟ้องยุบพรรค”
สมชัยยังเปิดข้อมูลสำมะคัญ
อันชี้ถึงผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้น
คือผู้ที่เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่ง กกต.อ้างในการแถลงแก้ตัวต่อสาธารณะ ‘กรณียุบพรรคอนาคตใหม่’ ว่าได้ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองวินิจฉัยก่อนแล้ว
“นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
พร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อกกต.
ว่าพรรคอนาคตใหม่กระทำการอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง และกกต.
ได้มีมติเห็นชอบให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ”
นายทะเบียนเหล่านี้มีสองคน
คนหนึ่งรับผิดชอบเรื่องการกู้เงินของพรรคการเมืองในปี ๒๕๕๗ (๔ พรรค) อีกคนรับผิดชอบสำหรับปี
๒๕๖๒ (๑๗ พรรค) คนแรกคือนาย ศุภชัย สมเจริญ ส่วนคนหลังนี่ตัวเอ้ จรุงวิทย์ ภุมมา
ทั้งสองมีผลประโยชน์ทับซ้อนแน่นอน
เมื่อศุภชัยได้รับแต่งตั้งจาก คสช.ให้เป็นวุฒิสมาชิก (ได้ตำแน่งรองประธานฯ) อายุความ
๕ ปี ควบสองรัฐบาล ได้โหวตอนุมัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วครั้งหนึ่ง
และจะยังโหวตอีกครั้งในปี ๒๕๖๖
ด้านจรุงวิทย์นั้นขณะนี้เป็นกรรมการเลือกตั้ง
ได้ตำแหน่งเลขาธิการ คสช.ตั้งกับมือเหมือนกัน
ซ้ำยังมีที่นั่งสำรองเป็นวุฒิสมาชิกในอันดับที่ ๘ ด้วย ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าจรุงวิทย์ปฏิบัติงานเอื้อประโยชน์กับฝ่ายรัฐบาล
คสช.๒ นี่อย่างสุดๆ
อย่างไรก็ดีในข้อมูลการกู้เงินของพรรคการเมืองดังกล่าว
จะเห็นว่าจำนวนเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่มากที่สุด ๑๖๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท พรรคอื่นๆ
ส่วนใหญ่เพียงหลักหมื่น หลักแสน ที่เป็นล้านๆ มีแค่อีก ๗ พรรค อันเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
๔ พรรค
คือ รวมพลังประชาชาติไทย ๕ ล้านถ้วน
กับพรรคพลังประชาธิปไตย ๕ ล้านกว่า พรรคประชาธิปไตยใหม่ สี่ล้านกว่าๆ พรรคชาติพัฒนา
๒ ล้าน กับพรรคพลังท้องถิ่นไทย ล้านสี่ นอกนั้นพรรคอื่นที่กู้ระดับล้านมีไทรักธรรม
สี่ล้านสาม และไทยรักษาชาติ ล้านเจ็ด
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ดูเหมือนว่า
การปูดของอดีต กกต.สมชัย คงจะกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง
ประดุจดังประเด็นความผิดและบิดพริ้วของ กกต.อื่นๆ ที่ผ่านมา เช่น เรื่องหุ้นสื่อยกให้สามี
(ไม่จดทะเบียน) ของมาดามเดียร์
กรณีเงินกู้พรรคการเมืองเหล่านี้นั้น ขณะนี้
กกต. ยังไม่ได้อ้างแก้ต่างอย่างไร แต่น่าจะไม่พ้นบอกว่าการให้พรรคกู้ถือเป็นการ ‘บริจาค’ และจะมีความผิดต่อเมื่อเป็นจำนวน ๑๐
ล้านบาทขึ้นไป ไม่ต้องส่งศาล รธน.วินิจฉัย
ฉะนั้นอย่างไรเสีย อนค. ผิดแหงๆ เว้นแต่
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคจะฮึดสู้ในประเด็นที่ว่า
นายทะเบียนพรรคการเมืองละเลยหน้าที่และลำเอียง ไม่ตรวจตราการกู้เงินของอีก ๑๗ พรรค
แต่ก็ยังเป็นข้อต่อสู้ที่ยังไม่เด็ดขาดนัก
หากแต่สมชัยมีมุขใหม่ เพิ่งโพสต์ว่า “มีคนให้เอกสารเกี่ยวสำนวนคดี
‘อนาคตใหม่’ มาแล้ว
อยู่ระหว่างการอ่านรายละเอียด พรุ่งนี้น่าจะมีความเห็นหลายประการเช่น 1. เอกสารดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ 2. ขั้นตอนการดำเนินการของ
กกต. ในคดี เงินกู้ อนค. เป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่
3. กกต.
มีสิทธิในการวินิจฉัยที่แตกต่างจากความเห็นคณะทำงาน หรือ
อนุกรรมการวินิจฉัยหรือไม่ 4. มีสิ่งปกติในกระบวนการทำงานเรื่องของ
กกต. หรือไม่ รวมถึงประเด็นอื่นๆ (ถ้ามี) โดยจะเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
บางเรื่องอาจจะสนับสนุน กกต. บางเรื่องอาจจะสนับสนุนผู้ถูกร้อง