วันเสาร์, มกราคม 04, 2563

โอว ตลก.ไทย "เปิดวิสัยทัศน์ชัดแจ้งเห็นจริงแล้วว่า การเป็นสากล 'ไม่จำเป็น' และปกติวิสัยคือต้องไม่ทันสมัย"


ศาลรัฐธรรมนูญนำคำวินิจฉัยของตุลาการทั้ง ๙ คนออกเผยแพร่ ในคดีที่ตัดสินด้วยเสียง ๗ ต่อ ๒ ให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จากการขายหุ้นนิตยสารแฟชั่นที่ปิดไปแล้วให้แก่มารดา

ตุลาการ ๗ คน “ท่องตามกัน” อย่างที่ Atukkit Sawangsuk ว่า แต่ละความเห็นเป็นไปตามที่สำนักข่าวอิศราชงไว้ก่อนหน้า จนตุลาการคนหนึ่งรุ่มร่ามหลุดออกมาว่า การโอนหุ้นดังกล่าว “เพื่อแก้ข่าวไม่ให้สังคมเข้าใจผิด หลังสำนักข่าวอิศรานำเสนอข่าวนี้”

บุญส่ง กุลบุปผา จึงเขียนคำตัดสินว่า “เช็คค่าหุ้นที่ผู้ร้องอ้างว่าได้รับเป็นค่าโอนหุ้นจากนางสมพร (ผู้เป็นมารดา) ดังกล่าวนี้ไม่มีทางที่จะเรียกเก็บเงินได้ก่อน ๒๓ มี.ค. ๒๕๖๒” วันหมาหอนก่อนเลือกตั้ง โดย จรัล ภักดีธนากุล ช่วยเสริมว่า

เป็นการจัดทำเอกสารการโอนหุ้นย้อนหลังเพื่อไม่ให้ขาดคุณสมบัติ” จรัลอ้างกรณีมีการ “ยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนบริษัท” ช้าไป ๗๒ วัน และเป็น “๒ วันหลังจาก ส.ส.สกลนคร เขต ๒ อนค. ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสั่งถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง”

บุญส่งยังนำคำให้การของภรรยาธนาธรมาจัดตั้งความผิด “ภริยาของผู้ถูกร้องอ้างว่าติดธุระไม่สะดวกนำเช็คไปขึ้นเงิน เป็นการผิดปกติของวิญญูชนโดยทั่วไป” ประโยคหลังนี่ วรวิทย์ กังศศิเทียม ตามแห่ เช่นกันกับนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ซึ่งเพิ่มเติมว่า

“ผู้ประกอบธุรกิจการค้าที่ต้องการเงินสดมาหมุนเวียน ดังนั้นเช็คฉบับดังกล่าวจึงยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟังประกอบได้ว่ามีการโอนหุ้นกันจริง” อันนี้ประธานฯ นุรักษ์ มาปราณีต อธิบายว่า “การเก็บเช็คที่มีการสั่งจ่ายเงินจำนวนมาก (๖.๗๕ ล้านบาท) ไว้นาน (๑๒๘ วัน)  
 
ย่อมเป็นที่ผิดปกติวิสัยวิญญูชนทั่วไป” ซึ่ง อุดมศักดิ์ นิติมนตรี เข้ามาเสริมด้วยว่า “ผู้ทรงเช็คสามารถมอบอำนาจให้บุคคลใดไปดำเนินการแทนได้” ที่นางรวิพรรณให้การว่าต้องดูแลลูก “จึงไม่จำเป็นต้องนำเช็คไปเข้าบัญชีขึ้นเงินด้วยตนเอง”

อุดมศักดิ์ยังอ้างการนำเช็คไปขึ้นเงินในวันเดียวกันที่ กกต.ยื่นคำร้อง “น่าเชื่อได้ว่าเมื่อได้ยินข่าว (ที่ อิศรา ชงไว้) ว่าไม่ได้มีการซื้อขายหุ้นกันจริง” ถึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานกันหลังวันลงสมัครรับเลือกตั้ง อันสายไปแล้ว

พร้อมกันนี้มีข้อกล่าวหา (จากบุญส่ง) ด้วยว่า “ผู้ถูกร้องเบิกความเป็นพิรุธหลายขั้นตอน...ใช้คำตอบทำนองว่าไม่ทราบหลายคำถาม ทั้งเรื่องกำหนดการเดินทาง และขั้นตอนการโอนหุ้น”

ข้อหาพิรุธอย่างหนึ่ง ปัญญา อุชชาชน เป็นคนปรุงว่า “กรณีใช้ ทนายความโนตารีพับลิค เป็นผู้จัดทำตราสารการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ซึ่งใช้กันมากในประเทศพัฒนาแล้ว แต่ในไทยยังไม่มีกฎหมายรับรองสถานะโดยตรง”

ด้วยความไม่ทันกับ ปัญญาโลกนี้เอง ตลก.ปัญญา จึงฟันว่า “เป็นลักษณะการสร้างพยานเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น ให้เป็นสากลโดยไม่จำเป็น เกินปกติวิสัยของการโอนหุ้น” ซึ่งอธึกกิตชี้ว่า “มันมีค่ามีราคามีอิทธิพลทางการเมือง” ขนาดไหนกัน

น้าถึกฟัดเต็มเปา “ไม่เบิ่งตาดูว่ามูลค่ามันต่างกันไกล เออ ถ้าเป็นหุ้น (เนชัวร์) ที่ผัวเมียปกปิดไว้ใช้เชลียร์ ใช้ให้ร้ายป้ายสีโจ๋งครึ่ม ก็ว่าไปอย่าง” โอว ตลก.ไทย ตกต่ำกันถึงเพียงนี้

เปิดวิสัยทัศน์ชัดแจ้งเห็นจริงแล้วว่า การเป็นสากล “ไม่จำเป็น” และปกติวิสัยคือต้องไม่ทันสมัย นี่คือการปูทางไว้สำหรับตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรคนับสิบปี โละทิ้งทั้งกระบิ แม้อาจจะไม่ถึงขั้นยุบทั้งพรรค

(รายละเอียดจาก บีบีซีไทย https://www.bbc.com/thai/thailand-50984133?at_custom3=BBC+Thai)