ความอิหนาระอารัฐบาลผลพวงรัฐธรรมนูญ ‘มีชัย ๖๐’ (ตามสั่งคณะรัฐประหาร) ทำให้กิจกรรม ‘วิ่งไล่ลุง’ วันที่ ๑๒ มกรานี้แผ่สร้านไปทั่วประเทศ
รวมแล้วกว่า ๒๐ แห่ง ท่ามกลางการปิดกั้นและกีดกันจากฟากรัฐและลิ่วล้อสืบทอดอำนาจ
หนึ่งในนั้น (ล่าสุด) เป็นมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
นครศรีธรรมราช ออกประกาศ ‘ไม่อนุญาต’ ให้จัดงานวิ่งไล่ลุง “อ้างมีลักษณะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง
อาจเป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง”
ทั้งที่ในปี ๒๕๕๖ มหาวิทยาลัยแห่งนี้จัดให้มีการรวมพลังนักศึกษา
คณาจารย์ และคนทั่วไป เพื่อคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรมฯ (สุดซอย)
อีกแห่งที่พะเยา
ก่อนหน้ามีการจัดม็อบเชียร์ประยุทธ์และต้านการวิ่งไล่ลุง จนท้ายที่สุด “ผู้จัด #วิ่งไล่ลุง พะเยาประกาศยกเลิกกิจกรรม
หลังตร.ไม่อนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่” ดังศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชนรายงาน
“นิสิตผู้จัดยังเผชิญการคุกคามจาก จนท.
ทั้งการติดตามอย่างหนัก ไปพบผู้ปกครองที่บ้านขอไม่ให้จัด มีกลุ่มมวลชนเข้ากดดัน”
อย่างไรก็ดี “ผู้จัดยืนยันจะไปวิ่งออกกำลังกาย และส่งมอบเสื้อให้ผู้สั่งไว้”
ทางอุบลราชธานี
ก็เจอการกดดันจากทางการเช่นกัน ‘ไกลก้อง @klaikong’ แฉ “มีการอ้างคำสั่ง คสช. ที่ยกเลิกไปแล้ว” แต่กระนั้นทางสถานีตำรวจภูธรอนุญาตให้จัดได้
“โดยให้มารับฟังทำข้อตกลงแนวทางการทำกิจกรรม
และแนวทางการรักษาความปลอดภัย”
เช่น ข้อ ๓ “จะต้องไม่สุ่มเสี่ยงและล่อแหลม
อาจเข้าลักษณะการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๘
ให้ผู้จัดชุมนุมพึงระมัดระวังในการแสดงออก”
นอกจากนั้นยังสั่งให้เปลี่ยนข้อความบนโลโก้งาน
ไม่ให้มีคำว่า ‘ลุง’ (อันนี้มีบางคนร้องเย้ เห็นด้วยเพราะอยากเปลี่ยนเป็น ‘เห้’ แทนอยู่แล้ว) แต่สำหรับที่เชียงใหม่จัดว่าคึกคักไม่แพ้รายการที่กรุงเทพฯ
มีผู้ประสงค์ร่วมนับหมื่น
ถึงกระนั้นฝ่ายที่สนับสนุน
คสช.ก็ยังพยายามกล่าวโทษให้ร้ายงานวิ่งไล่ลุง รวมทั้งกลุ่มผู้จัด ‘วิ่งเชียร์ลุง’ ที่ดึงเอา
อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี ไปเป็น ‘พรีเซ็นเตอร์’ เชิดชูงานด้วยการทับถมฝ่ายตรงข้าม ดังที่แอ็ดมินเพจฯ เจน/หวาน
ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยไว้ว่า
“วิ่งไล่ลุงแล้วจะเอาใคร
ลุงตู่มาจากการเลือกตั้ง เราก็หย่อนบัตรลงหีบเดียวกัน ทำไมบัตรเราเป็นเผด็จการ
บัตรของเขาเป็นประชาธิปไตย ประเทศของเราถูกหากินกับประชาธิปไตยมานานพอแล้วหรือยัง”
ทั้งที่บางตอนย้อนแย้งกันเอง
เช่น “ต้องมาอยู่แล้ว
เพราะเพจของเราตั้งมาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ ภารกิจเราชัดเจนคือสนับสนุน
พล.อ.ประยุทธ์” แต่ว่าบางครั้งบางทีที่แอ็ดมินเพจ ‘เชียร์ลุง’ “โป๊ะแตกลืมสลับแอคเค้าท์”
นำเอาข้อความโฆษณาชวนเชื่อของ #ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก
มาลงเฉยเลยก็มี
ขณะที่หฤทัยได้ทีให้นิยาม ‘ชังชาติ’ ว่า “การที่คนจำนวนหนึ่งฝังทัศนคติที่เป็นลบให้เด็กและเยาวชน
เช่น โจมตีประเทศไทยว่าเป็นเผด็จการ...เขาจะพยายามบอกเด็กเยาวชนและคนในสังคมว่า
หลักการประชาธิปไตยคือ ทหารไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง”
มิน่าทัพบกถึงเห็นคล้อยกับอุ๊ ประกาศขนอาวุธออกมาตั้งแสดงให้เด็กๆ
ชมกันในวันเด็ก “เพื่อที่จะปลูกฝังให้เป็นคนดี” ชอบรบราฆ่าฟันบั่นทอน และเข้าสู่การเมืองโดยใช้กำลังยึดเอาก่อน
แล้วเขียนกติกาให้พวกตนสืบทอดอำนาจนี่นะ
พอเพลี่ยงพล้ำทำงานบริหารประเทศไม่เป็น ไม่เข้าตาประชาชน
ก็ใช้วิชามารปั่นป่วน โหนสถาบันกล่าวหา ใส่ไคล้ว่าเป็นพวก ‘ล้มเจ้า’ เหมือนที่ วรงค์ เดชกิจวิกรม
หมดท่าดันตัวเองไม่ขึ้นต้องย้ายจาก ปชป.ไปหาพรรคเทือกแล้วก็ยังไม่เด่นจริง
ออกมุกใหม่
กล่าวหาฝ่ายที่ไม่เอาเผด็จการว่าจะล้มเจ้า ด้วยการกุแผนร้าย ๕ ขั้น ประดุจดัง ‘ผังล้มเจ้า’ จอมปลอมของ ‘ไก่อู’
ที่ทำให้ตัวเองเด้งไปนั่งตบยุงอยู่กรมประชาสัมพันธ์
และกำลังถูกพวกสลิ่มด้วยกันเองแช่งให้ถูกปลดอยู่ทุกวันนี้
หม_วรงค์ เริ่มร่ายผังโสมมของเขาด้วยข้อกล่าวหา
ยุแหย่เด็กเยาวชนให้แตกแยกและเกลียดชัง จนไปลงที่ “จะมีการเรียกร้องให้ต่างชาติมาแทรกแซง
โดยอ้างเรื่องประชาธิปไตย...นำไปสู่การล้มล้างสถาบัน เปลี่ยนแปลงประเทศตามที่ ‘ลัทธิชังชาติ’ ต้องการ”
ทำให้ ‘ทนายน้อย’
ประกาศ “ต้องช่วยกันหยุดข้อกล่าวหานี้
หากไม่อยากเผชิญกับการแตกหักที่จะนำไปสู่การสูญเสีย”
ด้วยการท้าดวลฝีปากประเด็นหลักการเกี่ยวกับสถาบันฯ ขอท้า Warong Dechgitvigrom
ผ่านสื่อสังคม
“ไปดีเบทกับผู้ลี้ภัยทางการเมืองครับ
เกี่ยวกับเรื่องสถาบันกษัตริย์ ไปจัดต่างประเทศนะ
แล้วถ่ายทอดสดกลับมาให้คนในประเทศดู ดีเบทกันด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริง ดูสักตั้ง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางปลุกระดมคนในประเทศด้วยข้อมูลด้านเดียว”
ไอเดียนี้ยอดเยี่ยม
ใครเห็นด้วยช่วยไปกดไล้ค์ กดแชร์ ที่เพจของ อานนท์ นำภา
ให้ได้ยินไปถึงและดึง ‘หม_วรงค์’
ออกมาต่อปาก ให้พวกผู้ลี้ภัยใช้ความจริง ‘ตบปาก’ คน ‘ชิงชาติ’ เสียที