วันพฤหัสบดี, มกราคม 09, 2563

'ลิ่วล้อสืบทอดอำนาจ' ระดมทับถม 'วิ่งไล่ลุง' กล่าวหา 'ชังชาติ-ล้มเจ้า' เจอ 'ทนายน้อย' ท้าไปดีเบทต่างประเทศ


ความอิหนาระอารัฐบาลผลพวงรัฐธรรมนูญ มีชัย ๖๐ (ตามสั่งคณะรัฐประหาร) ทำให้กิจกรรม วิ่งไล่ลุงวันที่ ๑๒ มกรานี้แผ่สร้านไปทั่วประเทศ รวมแล้วกว่า ๒๐ แห่ง ท่ามกลางการปิดกั้นและกีดกันจากฟากรัฐและลิ่วล้อสืบทอดอำนาจ

หนึ่งในนั้น (ล่าสุด) เป็นมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นครศรีธรรมราช ออกประกาศ ไม่อนุญาต ให้จัดงานวิ่งไล่ลุง “อ้างมีลักษณะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง อาจเป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง”

ทั้งที่ในปี ๒๕๕๖ มหาวิทยาลัยแห่งนี้จัดให้มีการรวมพลังนักศึกษา คณาจารย์ และคนทั่วไป เพื่อคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรมฯ (สุดซอย)

อีกแห่งที่พะเยา ก่อนหน้ามีการจัดม็อบเชียร์ประยุทธ์และต้านการวิ่งไล่ลุง จนท้ายที่สุด “ผู้จัด #วิ่งไล่ลุง พะเยาประกาศยกเลิกกิจกรรม หลังตร.ไม่อนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่” ดังศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชนรายงาน

“นิสิตผู้จัดยังเผชิญการคุกคามจาก จนท. ทั้งการติดตามอย่างหนัก ไปพบผู้ปกครองที่บ้านขอไม่ให้จัด มีกลุ่มมวลชนเข้ากดดัน” อย่างไรก็ดี “ผู้จัดยืนยันจะไปวิ่งออกกำลังกาย และส่งมอบเสื้อให้ผู้สั่งไว้”

ทางอุบลราชธานี ก็เจอการกดดันจากทางการเช่นกัน ไกลก้อง @klaikong’ แฉ “มีการอ้างคำสั่ง คสช. ที่ยกเลิกไปแล้ว” แต่กระนั้นทางสถานีตำรวจภูธรอนุญาตให้จัดได้ “โดยให้มารับฟังทำข้อตกลงแนวทางการทำกิจกรรม​

และแนวทางการรักษาความปลอดภัย” เช่น ข้อ ๓ “จะต้องไม่สุ่มเสี่ยงและล่อแหลม อาจเข้าลักษณะการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๘ ให้ผู้จัดชุมนุมพึงระมัดระวังในการแสดงออก”
 
นอกจากนั้นยังสั่งให้เปลี่ยนข้อความบนโลโก้งาน ไม่ให้มีคำว่า ลุง(อันนี้มีบางคนร้องเย้ เห็นด้วยเพราะอยากเปลี่ยนเป็น เห้ แทนอยู่แล้ว) แต่สำหรับที่เชียงใหม่จัดว่าคึกคักไม่แพ้รายการที่กรุงเทพฯ มีผู้ประสงค์ร่วมนับหมื่น

ถึงกระนั้นฝ่ายที่สนับสนุน คสช.ก็ยังพยายามกล่าวโทษให้ร้ายงานวิ่งไล่ลุง รวมทั้งกลุ่มผู้จัด วิ่งเชียร์ลุงที่ดึงเอา อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี ไปเป็น พรีเซ็นเตอร์ เชิดชูงานด้วยการทับถมฝ่ายตรงข้าม ดังที่แอ็ดมินเพจฯ เจน/หวาน ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยไว้ว่า

“วิ่งไล่ลุงแล้วจะเอาใคร ลุงตู่มาจากการเลือกตั้ง เราก็หย่อนบัตรลงหีบเดียวกัน ทำไมบัตรเราเป็นเผด็จการ บัตรของเขาเป็นประชาธิปไตย ประเทศของเราถูกหากินกับประชาธิปไตยมานานพอแล้วหรือยัง” ทั้งที่บางตอนย้อนแย้งกันเอง

เช่น “ต้องมาอยู่แล้ว เพราะเพจของเราตั้งมาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ ภารกิจเราชัดเจนคือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์” แต่ว่าบางครั้งบางทีที่แอ็ดมินเพจ เชียร์ลุงโป๊ะแตกลืมสลับแอคเค้าท์” นำเอาข้อความโฆษณาชวนเชื่อของ #ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก มาลงเฉยเลยก็มี
 
ขณะที่หฤทัยได้ทีให้นิยาม ชังชาติว่า “การที่คนจำนวนหนึ่งฝังทัศนคติที่เป็นลบให้เด็กและเยาวชน เช่น โจมตีประเทศไทยว่าเป็นเผด็จการ...เขาจะพยายามบอกเด็กเยาวชนและคนในสังคมว่า หลักการประชาธิปไตยคือ ทหารไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง


มิน่าทัพบกถึงเห็นคล้อยกับอุ๊ ประกาศขนอาวุธออกมาตั้งแสดงให้เด็กๆ ชมกันในวันเด็ก “เพื่อที่จะปลูกฝังให้เป็นคนดี” ชอบรบราฆ่าฟันบั่นทอน และเข้าสู่การเมืองโดยใช้กำลังยึดเอาก่อน แล้วเขียนกติกาให้พวกตนสืบทอดอำนาจนี่นะ

พอเพลี่ยงพล้ำทำงานบริหารประเทศไม่เป็น ไม่เข้าตาประชาชน ก็ใช้วิชามารปั่นป่วน โหนสถาบันกล่าวหา ใส่ไคล้ว่าเป็นพวก ล้มเจ้าเหมือนที่ วรงค์ เดชกิจวิกรม หมดท่าดันตัวเองไม่ขึ้นต้องย้ายจาก ปชป.ไปหาพรรคเทือกแล้วก็ยังไม่เด่นจริง

ออกมุกใหม่ กล่าวหาฝ่ายที่ไม่เอาเผด็จการว่าจะล้มเจ้า ด้วยการกุแผนร้าย ๕ ขั้น ประดุจดัง ผังล้มเจ้า จอมปลอมของ ไก่อูที่ทำให้ตัวเองเด้งไปนั่งตบยุงอยู่กรมประชาสัมพันธ์ และกำลังถูกพวกสลิ่มด้วยกันเองแช่งให้ถูกปลดอยู่ทุกวันนี้

หม_วรงค์ เริ่มร่ายผังโสมมของเขาด้วยข้อกล่าวหา ยุแหย่เด็กเยาวชนให้แตกแยกและเกลียดชัง จนไปลงที่ “จะมีการเรียกร้องให้ต่างชาติมาแทรกแซง โดยอ้างเรื่องประชาธิปไตย...นำไปสู่การล้มล้างสถาบัน เปลี่ยนแปลงประเทศตามที่ ลัทธิชังชาติต้องการ”

ทำให้ ทนายน้อยประกาศ “ต้องช่วยกันหยุดข้อกล่าวหานี้ หากไม่อยากเผชิญกับการแตกหักที่จะนำไปสู่การสูญเสีย” ด้วยการท้าดวลฝีปากประเด็นหลักการเกี่ยวกับสถาบันฯ ขอท้า Warong Dechgitvigrom ผ่านสื่อสังคม

“ไปดีเบทกับผู้ลี้ภัยทางการเมืองครับ เกี่ยวกับเรื่องสถาบันกษัตริย์ ไปจัดต่างประเทศนะ แล้วถ่ายทอดสดกลับมาให้คนในประเทศดู ดีเบทกันด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริง ดูสักตั้ง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางปลุกระดมคนในประเทศด้วยข้อมูลด้านเดียว”

ไอเดียนี้ยอดเยี่ยม ใครเห็นด้วยช่วยไปกดไล้ค์ กดแชร์ ที่เพจของ อานนท์ นำภา ให้ได้ยินไปถึงและดึง หม_วรงค์ออกมาต่อปาก ให้พวกผู้ลี้ภัยใช้ความจริง ตบปาก คน ชิงชาติ เสียที