วันจันทร์, กรกฎาคม 01, 2562

โอท้อป คสช.ไม่แค่ยาไอ๊ซ์อีสาน น้ำมันเถื่อนภาคใต้ก็ 'บานตะไท'


เพิ่งได้ยินกันได้ไม่ถึงเดือน สินค้าโอท้อปยุค คสช. รวมถึงยาเสพติดภาคอีสาน ค้าขายทั้งนำเข้าและส่งออก ยาไอ๊ซ์ ส.ส.หญิงหนองคายฝ่ายประชาธิปไตยเอามาปูด วันนี้มีน้ำมันเถื่อน โอท้อปภาคใต้ ขนข้ามแดนจากมาเลเซียกันโจ๋งครึ่ม

นสพ.ผู้จัดการรายงานเรื่องส่วนต่างราคาน้ำมันในไทยกับฝั่งมาเลย์ ตกลิตรละ ๑๐ บาท ฝั่งโน้นเบนซิน ๙๕ และ ๙๗ ไม่เกิน ๒๐ บาทต่อลิตร ดีเซล ๑๘ บาท ฝั่งนี้เบนซินไร้ตะกั่วไม่ว่า ๙๑-๙๗ หรือ อี ๒๐ และ อี ๘๕ ตกราว ๓๕ บาทต่อลิตร ดีเซล ๒๘-๓๐ บาทต่อลิตร

จึงมีการลักลอบขนน้ำมันเข้าอย่าง เถื่อนจำนวนวันละเท่าไรไม่แจ้ง แต่เท่าที่แหล่งข่าวเขารู้ ถ้าขนทางบกใช้รถกระบะความจุคันละ ๑-๓ พันลิตร ชนิดที่ผู้ประกอบการ (เถื่อน) สร้างถังเก็บน้ำมันขนาดยักษ์กันไว้เกร่อสามจังหวัด สงขลา สตูล และนราธิวาส

ขนกันวันละกี่เที่ยวกี่คันก็ได้ เข้ามาแล้วถ่ายลงโกดังถังเก็บ รอผ่องถ่ายกระจายออกไปตาม ๙ จังหวัดภาคใต้ ซึ่งแน่นอนตอนข้ามแดนต้องมีอุปสรรคขวากหนามบ้างละ ไหนจะด่านรศุลกากร จุดตรวจโรงพัก และด่านทางหลวง

ที่รถบรรทุกแต่ละคันต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ภาษีอากร การนี้มี นายหน้า เอกชนบริการจัดทำให้ดดยคิดค่าป่วยการ ๕๐๐ (รายย่อย) ถึง (ขาใหญ่)  ๕ พันบาทต่อเดือน จัดการให้ทั้งเรื่องแจ้งทะเบียนรถและจ่ายภาษีแบบ ไม่มีใบเสร็จ

ส่วนการขนส่งทางน้ำนั้นรายงานบอกว่าเป็นกิจกรรมของขาใหญ่เกือบหมด ซึ่งมีธุรกิจเกี่ยวข้องสินค้าทางทะเลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงน้ำแข็ง โรงงานปลากระป๋อง หรือปลาป่น ล้วนมี ‘connections’ เส้นสายโยงใยกับ นักการเมืองท้องถิ่น ทั้งนั้น

เรือจะขนมาถึงท่าให้รถบรรทุกสิบล้อ-หกล้อรับไป ส่งตรงถึงปั๊มและโรงงานอุตสาหกรรม โดยรวมนัยว่าสามารถเลี่ยงภาษีปีละไม่ต่ำกว่า ๑ หมื่นล้านบาท


นักการเมืองท้องถิ่น ตอนนี้มีเยอะที่ (ถูกดูด) เข้าสังกัดพลังประชารัฐของเฮียตูบ ผ่านทาง กลุ่มสามมิตรและกำลังเป็นปัญหาให้หัวหน้าใหญ่ นักรัฐประหาร และรัฐบาล คสช. ๑-๒ คันเท้า ต้อง “เอ็ดมาจาก Osaka เตือนสตินักการเมืองเลือกกระทรวง”
มันน่าฉุน ทำให้เสียอารมณ์ กำลังเพลินกับอาหารการกินอยู่เชียว เที่ยวงาน จี ๒๐นี่อาหารดีแน่ แต่ดนตรีเพราะด้วยไหม เฮียเค้าไม่ได้บอก เปลี่ยนจาก เอ็นจอย มาเป็น ซีเรียส พอดี

“ทุกกระทรวงมีความสำคัญเท่ากันหมด...ขออย่าให้เกิดความวุ่นวายมาก...เพราะถูกเลือกมาด้วยปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ประชาชนชาวไทย” อันนี้ไม่เข้าใจ ปวงชนชาวไทยสำคัญกว่า ประชาชนชาวไทย อย่างไร ได้ยินแค่ “ไม่ว่าจะใครก็ตาม ต้องเข้าใจผมเพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรี”

เรื่องมาจากพวกสามมิตรฮึดเถียงนายว่าเอาเก้าอี้คุมกระทรวงไปให้พรรคชาติพัฒนาได้ไง ส.ส.น้อยกว่าที่พวกตนดูดมาตั้งเยอะ แค่สามเสียงได้ ๑ ว่าการกระทรวง ๑ รัฐมนตรีช่วย เลยเจอไม้แข็งที่ไม่เพียงแต่เฮียตูบฉุนข้ามสมุทร 
พรรคพลังประชารัฐก็ยังนั่งจ้ำจี้จ้ำไชอธิบายว่า “แม้พรรคชาติพัฒนาจะได้เพียง ๓ เสียง แต่ก็เป็น ๓ เสียงที่ได้มาด้วยตัวเอง ต่างกับกลุ่มสามมิตรที่อาศัยเงินทุนและทรัพยากรจากพรรคพลังประชารัฐในการสนับสนุนหาเสียงเลือกตั้งจนได้เป็น ส.ส.”

ถ้างั้น “หากกลุ่มสามมิตรยังยืนกรานว่าพวกตนได้เป็น ส.ส.เพราะตัวเอง ก็ให้นำเงินที่ใช้ในการหาเสียงมาคืนให้กับพรรค จากนั้นกลุ่มสามมิตรจะอยู่หรือออกจากพรรคพลังประชารัฐก็ตามใจ”


ทั้งๆ เงินที่พลังประชารัฐออกให้ใช้หาเสียงมาจากไหนแจ้งไม่หมด ส่วนที่แจงแค่จิ๊บจ้อยขนาดสิบล้าน ไอ้ที่ไม่ยอมแจ้ง แถมแจงยึกยัก ถามว่าหน่วยราชการและนายทุนยักษ์ๆ ไม่ยักอวด ดันบอกแค่ “ไม่มีต่างชาติบริจาค”

อุตส่าห์ตากหน้ากันขนาดนี้คุณเฮียไม่เห็นราคา สมกับที่โดนชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อัดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวานนี้ (๓๐ มิ.ย.) “ประชาชนก็ได้เห็นพรรคพลังประชารัฐแตกดังโพละ...ตอนนี้อยู่ถึง ๖ เดือนชักมากไปเสียแล้ว”ขอบอกว่า โง่เองช่วยไม่ได้
 
“สามมิตรเพิ่งมาจะเอาอะไรมาก ได้แค่นี้ก็คุ้มแล้ว” เสี่ยอ่างเพื่อนห่างๆ ผบ.ทบ. วิพากษ์ต่อ รัฐบาล ต.๑-๒ “ได้ดีเพราะกลุ่ม กปปส. บุญคุณจึงต้องทดแทน” ฉะนั้นสามมิตรต้อง “ยอมกลืนเลือด จะไปทำแบบลูกนอกไส้อย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย คงไม่ไหว เกมการเมืองคนละชั้น ขนาดยอมกลืนน้ำลายเลียลิ้น”

แถมเตือนพรรคฝ่ายค้านด้วยว่า “ไม่ต้องไปอภิปรายให้เสียเวลา แค่รอให้ พกอ. (พังกันเอง) ก็พอ...เพราะขู่ไปเขาด้านชา อยู่มาตั้ง ๕ ปี คงไม่รู้สึก”