นี่ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งล้วนๆ
ไม่มีรัฐประหารอิง คงพังไปแล้ว ขณะที่ภัยแล้งยังไม่เหือด พายุฝนจ่อกระหน่ำ
สภาพเช่นนี้นักอุตุฯ รู้ดีถ้าตกหนักเป็นโดน ‘flash flood’ น้ำท่วมเฉียบพลัน รัฐบาลประชารัฐของ คสช.๒ ก็เช่นกัน
รองโฆษกพรรค พปชร.
หนึ่งในตัวเต็งขึ้นโฆษกรัฐบาลใหม่ไหเก่า ธนกร วังบุญคงชนะ บอกถ้าฝ่ายค้านจะอภิปรายในปมพรรครัฐบาลไปใช้ที่รีสอร์ตซึ่งมีคดีปักหลังกรณีรุกพื้นที่อุทยานละก็ไม่ยี่หระ
เพราะ “ประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นหลักในการแถลงนโยบายรัฐบาล และเป็นคนละส่วนกัน”
ถ้าจะตรวจสอบก็ได้ แต่
ส.ส.ในพื้นที่คนจัดการแจ้งแล้วทั้งรู้ๆ แต่จะเข้าไปใช้ให้เป็นตัวอย่าง เนื่องจาก “ที่ตรงนี้ได้มีการยื่นร้องให้ศาลคุ้มครองปกครองชั่วคราวอยู่
และเข้าใจว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นกรณีพิพาทของกรมอุทยานกับชาวบ้าน” อยู่
จะแถอย่างไรไม่เท่าความจริงที่ว่า “ในแง่ของจริยธรรม
ส.ส. ก็ไม่ควรเข้าไปใช้ เพราะรู้ว่าที่แห่งนี้มีคดีความอยู่ ควรจะเลือกไปที่อื่น”
คำของดำรงค์ พิเดช ส.ส.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
ผู้ซึ่งครั้งเป็นอธิบดีเคยเข้าจับกุมรีสอร์ตแห่งนี้ด้วยตัวเองเมื่อปี
๒๕๕๕ ไม่เท่านั้น ต่อมาปี ๒๕๖๐ รีสอร์ต ๘๘ มองการ์เต้ “ถูกจับดำเนินคดีเป็นครั้งที่สอง
ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มอีกกว่า ๓๐ ไร่ พบสิ่งก่อสร้าง ๑๘รายการ
แต่ไม่เจอผู้ต้องหา
ส่งดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน” นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ
ผู้อำนวยส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๑
(ปราจีนบุรี) รายงานไว้ ดังนั้นจะอ้างบริสุทธิ์ผุดผ่อง “ไร้เจตนา”
อย่างไร ก็ยังเป็นการกระทำผิดอยู่ดี
เหมือนกับที่ตลาการเคยเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของคณะทหารมาแล้วนับไม่ถ้วน
ฉะนี้การที่ “ไม่เจอผู้ต้องหา” นั่นจะป็นอิทธิฤทธิ์ของจำเลย ยุคอำนาจ คสช.พี้คในปี
๒๕๖๐ ละก็อย่าอ้าง ในเมื่อเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้เป็นพี่น้องตระกูล ‘เจนธนากุล’
ตระกูลนี้มีสายสัมพันธ์บางส่วนกับพรรคพลังประชารัฐของรัฐบาลประยุทธ์
๒ อยู่บางอย่าง ดังที่อิศรานิวส์ขุดเอามาแฉว่า นายวรพจน์ อำนวยพล
ซึ่งเป็นหุ้นส่วนและกรรมการร่วมในบริษัทของตระกูลเจนธนากุล (อย่างน้อย) สองแห่ง
“เป็นผู้สนับสนุนเงินระดมทุนโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่
๑๙ ธ.ค. ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา รวม ๗ ล้านบาท” นายวรพจน์ผู้นี้ยังใกล้ชิดกับบุตรชายของนายจองชัย
เที่ยงธรรม นักการเมืองใหญ่ จ.สุพรรณบุรี “นายสกลธี
ภัททิยกุล อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.”
(https://www.isranews.org/isranews/78691-isranews-78691.html, https://www.facebook.com/PeaceNewsOfficial/photos/a.417847895249260/879046925796019/ และ https://www.innnews.co.th/politics/news_447595/)
พอถึงตรงนี้ก็ไม่บังเอิญให้มีเรื่องโยงใยไปยังเครือข่าย
คสช. เข้าให้อีก เมื่อ “รองผู้ว่ากทม. ๒ คนลาออกวันละคน นัยว่ากลัวพิษเตาเผาขยะหมื่นล้าน”
อาจารย์โกวิทย์ วงศ์สุรวัฒน์ พ่อของจอห์น วิญญู คอมเม้นต์ทางทวิตเตอร์
“พอชักจะมีประชาธิปไตยขึ้นหน่อยก็มีอะไรแปลก
ๆ เสียแล้ว ครับ การตรวจสอบนี่สำคัญมากเพราะในระบอบเผด็จการไม่มีการตรวจสอบ”
เรื่องเตาเผาขยะนั่นก็เคยฮือฮากันเมื่อครั้งเป็นข่าวเรื่องขยะนอกกฎหมายลอบเข้าไทยบานเบอะ
ย้อนไปอีกถึงตอนที่กรุงเทพฯ เจอปัญหาฝุ่นละอองพิษขนาดจิ๋ว
(PS2) ปกคลุมบรรยากาศเมืองกรุงตัวเลขแดงฉาน
เหตุหนึ่งมาจากเตาเผาขยะนอกกฎหมายตามชานเมืองกรุงเป็นดอกเห็ด
ที่ลักลอบนำขยะจากนอกเข้ามาใช้ดำเนินการ
ทั้งที่เรื่องนี้มาเลเซียเขาปราบเด็ดขาดกันแล้ว
รองผู้ว่า กทม.สองคนที่ลาออกนั่นข่าวว่า “เพราะไม่อยากอนุมัติโครงการเตาเผาขยะ
ที่ถูกร้องเรียนส่อทุจริต” วีรนันท์ กัณหา @weeranan แจ้งว่า “พล.ต.อ.อัศวิน (ขวัญเมือง) ผู้ว่าฯ กทม. จะปรับคณะผู้บริหาร
กทม. ใหม่ โดยอาจแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ทดแทน”
นี่แสดงถึงการเปลี่ยนผ่าน คสช.๑ ไปยัง
คสช.๒ ที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยดังอ้างเลยสักนิด โดยที่ พล.ต.อ.อัศวิน ที่
คสช.ตั้งเข้ามาครองเมืองกรุงคนนี้ไม่สนว่าจะเปลี่ยนผ่านกันอย่างไร ยืนยัน “ปีนี้ไม่มีเลือกตั้งผู้ว่า
กทม. แน่นอน”
อีกองค์กรที่เป็นของ คสช.โดยแท้
และแสดงว่าการมีรัฐบาลใหม่หลังจากการ (โกง) เลือกตั้งแล้ว
เป้นเพียงการเปลี่ยนฉากของเผด็จการในหน้ากากประชาธิปไตยก้คือ วุฒิสภา ‘ตู่ตั้ง’ ๒๕๐ คนที่จะร่วมในการแถลงนโยบายของรัฐบาล
พวกนี้ก็เตรียมรับภารกิจเงินเดือนเรือนแสนนี้
บางคนริกรี้อยากอภิปรายแบบ ส.ส.บ้าง ถามหาเวลากันใหญ่ ทั้งครูหยุย หมอเจตน์เอยถกกันวุ่น
เป็นห่วงว่ารัฐบาลจัดองครักษ์พิทักษ์เฮียตูบอย่างมาดามเดียร์งี้ ‘E-A’
งั้น รวมแล้วตั้งยี่สิบ กลัวไม่มีเวลาเหลือให้ตน
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ เลยจัดการปิดปากพวกดี๊ด๊าซะงั้น
“ส.ว.ไม่มีหน้าที่อภิปรายสนับสนุนหรือปกป้องตัวบุคคล
เว้นแต่อภิปรายถึงผลงานที่ผ่านมาว่าทำได้ดีอย่างไร
แต่ไม่สามารถอภิปรายว่าที่ผ่านมาทำไม่ดี”