วันพุธ, กรกฎาคม 24, 2562

"ภัยแล้งยังไม่เหือด พายุฝนจ่อกระหน่ำ" จาก (เรื่อง) รีสอร์ตถึง กทม. จนต้องสั่งห้าม สว.อภิปรายติติงรัฐบาล

นี่ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งล้วนๆ ไม่มีรัฐประหารอิง คงพังไปแล้ว ขณะที่ภัยแล้งยังไม่เหือด พายุฝนจ่อกระหน่ำ สภาพเช่นนี้นักอุตุฯ รู้ดีถ้าตกหนักเป็นโดน ‘flash flood’ น้ำท่วมเฉียบพลัน รัฐบาลประชารัฐของ คสช.๒ ก็เช่นกัน

รองโฆษกพรรค พปชร. หนึ่งในตัวเต็งขึ้นโฆษกรัฐบาลใหม่ไหเก่า ธนกร วังบุญคงชนะ บอกถ้าฝ่ายค้านจะอภิปรายในปมพรรครัฐบาลไปใช้ที่รีสอร์ตซึ่งมีคดีปักหลังกรณีรุกพื้นที่อุทยานละก็ไม่ยี่หระ เพราะ “ประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นหลักในการแถลงนโยบายรัฐบาล และเป็นคนละส่วนกัน”

ถ้าจะตรวจสอบก็ได้ แต่ ส.ส.ในพื้นที่คนจัดการแจ้งแล้วทั้งรู้ๆ แต่จะเข้าไปใช้ให้เป็นตัวอย่าง เนื่องจาก “ที่ตรงนี้ได้มีการยื่นร้องให้ศาลคุ้มครองปกครองชั่วคราวอยู่ และเข้าใจว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นกรณีพิพาทของกรมอุทยานกับชาวบ้าน” อยู่

จะแถอย่างไรไม่เท่าความจริงที่ว่า “ในแง่ของจริยธรรม ส.ส. ก็ไม่ควรเข้าไปใช้ เพราะรู้ว่าที่แห่งนี้มีคดีความอยู่ ควรจะเลือกไปที่อื่น” คำของดำรงค์ พิเดช ส.ส.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ

ผู้ซึ่งครั้งเป็นอธิบดีเคยเข้าจับกุมรีสอร์ตแห่งนี้ด้วยตัวเองเมื่อปี ๒๕๕๕ ไม่เท่านั้น ต่อมาปี ๒๕๖๐ รีสอร์ต ๘๘ มองการ์เต้ “ถูกจับดำเนินคดีเป็นครั้งที่สอง ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มอีกกว่า ๓๐ ไร่ พบสิ่งก่อสร้าง ๑๘รายการ

แต่ไม่เจอผู้ต้องหา ส่งดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน” นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ ผู้อำนวยส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๑ (ปราจีนบุรี) รายงานไว้ ดังนั้นจะอ้างบริสุทธิ์ผุดผ่อง “ไร้เจตนา” อย่างไร ก็ยังเป็นการกระทำผิดอยู่ดี

เหมือนกับที่ตลาการเคยเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของคณะทหารมาแล้วนับไม่ถ้วน ฉะนี้การที่ “ไม่เจอผู้ต้องหา” นั่นจะป็นอิทธิฤทธิ์ของจำเลย ยุคอำนาจ คสช.พี้คในปี ๒๕๖๐ ละก็อย่าอ้าง ในเมื่อเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้เป็นพี่น้องตระกูล เจนธนากุล
 
ตระกูลนี้มีสายสัมพันธ์บางส่วนกับพรรคพลังประชารัฐของรัฐบาลประยุทธ์ ๒ อยู่บางอย่าง ดังที่อิศรานิวส์ขุดเอามาแฉว่า นายวรพจน์ อำนวยพล ซึ่งเป็นหุ้นส่วนและกรรมการร่วมในบริษัทของตระกูลเจนธนากุล (อย่างน้อย) สองแห่ง

“เป็นผู้สนับสนุนเงินระดมทุนโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ ๑๙ ธ.ค. ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา รวม ๗ ล้านบาท” นายวรพจน์ผู้นี้ยังใกล้ชิดกับบุตรชายของนายจองชัย เที่ยงธรรม นักการเมืองใหญ่ จ.สุพรรณบุรี “นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.”


พอถึงตรงนี้ก็ไม่บังเอิญให้มีเรื่องโยงใยไปยังเครือข่าย คสช. เข้าให้อีก เมื่อ “รองผู้ว่ากทม. ๒ คนลาออกวันละคน นัยว่ากลัวพิษเตาเผาขยะหมื่นล้าน” อาจารย์โกวิทย์ วงศ์สุรวัฒน์ พ่อของจอห์น วิญญู คอมเม้นต์ทางทวิตเตอร์

“พอชักจะมีประชาธิปไตยขึ้นหน่อยก็มีอะไรแปลก ๆ เสียแล้ว ครับ การตรวจสอบนี่สำคัญมากเพราะในระบอบเผด็จการไม่มีการตรวจสอบ” เรื่องเตาเผาขยะนั่นก็เคยฮือฮากันเมื่อครั้งเป็นข่าวเรื่องขยะนอกกฎหมายลอบเข้าไทยบานเบอะ

ย้อนไปอีกถึงตอนที่กรุงเทพฯ เจอปัญหาฝุ่นละอองพิษขนาดจิ๋ว (PS2) ปกคลุมบรรยากาศเมืองกรุงตัวเลขแดงฉาน เหตุหนึ่งมาจากเตาเผาขยะนอกกฎหมายตามชานเมืองกรุงเป็นดอกเห็ด ที่ลักลอบนำขยะจากนอกเข้ามาใช้ดำเนินการ ทั้งที่เรื่องนี้มาเลเซียเขาปราบเด็ดขาดกันแล้ว
รองผู้ว่า กทม.สองคนที่ลาออกนั่นข่าวว่า “เพราะไม่อยากอนุมัติโครงการเตาเผาขยะ ที่ถูกร้องเรียนส่อทุจริต” วีรนันท์ กัณหา @weeranan แจ้งว่า “พล.ต.อ.อัศวิน (ขวัญเมือง) ผู้ว่าฯ กทม. จะปรับคณะผู้บริหาร กทม. ใหม่ โดยอาจแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ทดแทน”

นี่แสดงถึงการเปลี่ยนผ่าน คสช.๑ ไปยัง คสช.๒ ที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยดังอ้างเลยสักนิด โดยที่ พล.ต.อ.อัศวิน ที่ คสช.ตั้งเข้ามาครองเมืองกรุงคนนี้ไม่สนว่าจะเปลี่ยนผ่านกันอย่างไร ยืนยัน “ปีนี้ไม่มีเลือกตั้งผู้ว่า กทม. แน่นอน”

อีกองค์กรที่เป็นของ คสช.โดยแท้ และแสดงว่าการมีรัฐบาลใหม่หลังจากการ (โกง) เลือกตั้งแล้ว เป้นเพียงการเปลี่ยนฉากของเผด็จการในหน้ากากประชาธิปไตยก้คือ วุฒิสภา ตู่ตั้ง๒๕๐ คนที่จะร่วมในการแถลงนโยบายของรัฐบาล

พวกนี้ก็เตรียมรับภารกิจเงินเดือนเรือนแสนนี้ บางคนริกรี้อยากอภิปรายแบบ ส.ส.บ้าง ถามหาเวลากันใหญ่ ทั้งครูหยุย หมอเจตน์เอยถกกันวุ่น เป็นห่วงว่ารัฐบาลจัดองครักษ์พิทักษ์เฮียตูบอย่างมาดามเดียร์งี้ ‘E-A’ งั้น รวมแล้วตั้งยี่สิบ กลัวไม่มีเวลาเหลือให้ตน
 
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ เลยจัดการปิดปากพวกดี๊ด๊าซะงั้น “ส.ว.ไม่มีหน้าที่อภิปรายสนับสนุนหรือปกป้องตัวบุคคล เว้นแต่อภิปรายถึงผลงานที่ผ่านมาว่าทำได้ดีอย่างไร แต่ไม่สามารถอภิปรายว่าที่ผ่านมาทำไม่ดี”


ให้ได้สำนึกเสียทีว่า สว.ตู่ตั้งนั้นก็แค่ สุนัขรับใช้