ประยุทธ์อ่านแถลงนโยบายหรรษาได้ไม่ทันข้ามวัน
บรรยากาศพลิกเป็นชี้หน้าซะแล้ว ปล่อยลูกฉุนตัดพี่ตัดน้องกับเสรีพิศุทธ์
ฝ่ายค้านยังทิ่มแทงต่อเนื่อง จน สว.พิทักษ์รัฐประหารหัวร้อนบ้าง หลุดว่าอย่างนี้ต้องยึดอำนาจสัก
๒๐ ปี
ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล คสช.๒ เมื่อวาน
(๒๕ ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับสู่ฟอร์มถนัด หลังจากที่
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
หนึ่งในดาวอภิปรายฝ่ายค้านจัดหนัก ถล่มหัวหน้า คสช.ท่าเดียว
บอกว่าโกงเลือกตั้งมาเห็นๆ
แล้วยัง “ที่ผมพูดน่ะ
ชาวบ้านเล่ามาทั้งนั้น ผมก็สรุป อ๋อ มันเป็นเช่นนี้เอง ถ้าเป็นผมเนี่ย
ผมไม่หน้าด้านเป็นต่อหรอกนะครับ” ทำเอาประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องตักเตือน
ขอให้ถอนคำพูดเสียแล้วจะให้อภิปรายต่อ
เป็นตายร้ายดีเสรีพิศุทธ์ยัน ‘ไม่คืนคำ’ พรเพชร วิชิตชลชัย
จึงสั่งให้ผู้อภิปรายออกจากห้องประชุม แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น
ทั้งเจ้าตัวผู้ถูกอภิปราย และ สว.องครักษ์ ออกมาโต้กลับกันอย่างแรงๆ ทั้งนั้น
พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สว.ตู่ตั้ง ลุกขึ้นประท้วงว่า
อดทนฟังมานานแล้ว แม้จะเป็นรุ่นน้องก็เห็นว่า
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พูดซ้ำซาก “อภิปรายนโยบายก็ควรอยู่ในข้อกำหนด
ประเทศมันถึงไม่เจริญ...ไม่มีวินัย” เพราะฉะนั้น “ผมยืนยันว่าชายไทยทุกคนต้องเป็นทหารเหมือนเกาหลี
(เหนือ/ใต้ ไม่บอก)
แล้วเราจะไม่มีการปฏิวัติอะไรทั้งสิ้น
ทุกคนเป็นเพื่อนกัน และไม่มาทะเลาะเบาะแว้งกันแบบนี้ ถ้าแบบนี้มันต้องปฏิวัติ ๒๐
ปี” ทำเอาสมาชิกสภาฝ่ายที่มาจากเลือกตั้งโห่กันลั่น และนายคารม พลพรกลาง
ส.ส.อนาคตใหม่ประท้วงว่า
“พล.อ.ธวัชชัยพูดเกินไป ที่นี่คือสภา
พูดปฎิวัติ ๒๐ ปี ถ้าไม่อยู่ในสภาแจ้งความจับไปแล้ว นี่คือสิ่งที่พูดเกินไปไม่เคารพใครเลย
ไม่เคารพประชาชนที่ฟังอยู่ ไม่อย่างนั้นไปลาออกครับ”
ด้านองครักษ์ฝ่าย ส.ส.ขอแสดงผลงานบ้าง
ปารีณา ไกรคุปต์ ลุกขึ้นประท้วงหลังจากฝ่ายค้านอภิปรายว่าพรรคพลังประชารัฐ
ติดป้ายโฆษณาหาเสียงจะแก้ปัญหาปากท้องประชาชนหลายเรื่อง
ไม่ปรากฏในโพยนโยบายสักอย่าง
‘E-A’ คนดังจากการด่าอีช่อ
ประท้วงว่าฝ่ายค้านเอาโลโก้ พปชร.มาใช้อ้างอภิปราย ทำให้พรรคของหล่อนเสียหาย “ผิดกฎหมายอาญามาตรา
๔๒๐” ทำเอาคนที่เรียนกฎหมายงงกันใหญ่ แม้พวกอยู่อเมริกาที่อี๊เค้าจบมาก็งง
เพราะมาตรานี้กฎหมายอเมริกันไม่มี
ใครต่อใครพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประมวลกฎหมายอาญาของไทยมีอยู่แค่
๓๙๘ มาตรา นี่แค่ ส.ส.พลังประชารัฐ ยังสามารถสร้างกฎหมายมาตราใหม่ได้
อย่างนี้ต่อไปรัฐบาลทั้งก๊กมิออกกฎหมายกันเป็นว่าเล่นไปหรือนั่น
สำหรับตัวสำคัญที่โดนอภิปรายก็ ‘ของขึ้น’ ตามเคย หลังจากที่เสรีพิศุทธ์ใส่เป็นชุด “เป็นนายกฯ ก็ปล้นเขามา เลือกตั้งก็โกงเขามา
แต่ไม่เชื่อเพราะเตรียมทหารสอนให้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง ก่อนพาดพิงเรือเหาะ จีที.๒๐๐
นาฬิกา ๒๕ เรือน แถมเตือนวันนี้กล้อง ทีวี.เยอะ นาฬิกาคืนเพื่อนหมดหรือยัง
ดูแลตัวเองด้วย”
ประยุทธ์ลุกขึ้นโต้โดยไม่รอให้ประธานอนุญาตตามระเบียบ
“ท่านเป็นรุ่นพี่ผม แต่วันนี้ไม่ถือว่าเป็นรุ่นพี่แล้ว
เพราะท่านไม่เคยให้เกียรติผม ท่านเคยบอกว่าจะชักปืนยิงผม
ถ้าท่านชักปืนยิงผมวันนั้นท่านก็ติดคุกไปแล้ว” ยังไม่หมด
เสรีพิศุทธ์ไม่ตอบอะไรมาก
เพียงแค่ว่า “อย่าชี้มาที่ผม โน่นไปพูดกับประธานฯ”
ประยุทธ์ก็ยังไม่ฟังอีร้าค่าอีรม “ผมกับท่านแต่งงานก็วันเดียวกัน สมรสพระราชทาน
มาด้วยกัน...
ท่านได้เหรียญรามาฯ
ผมก็ได้เหมือนกัน แต่ผมไม่เคยคุย ไม่เคยไปแอบอ้างอวดอ้างอำนาจ ท่านไปทบทวนของท่านเอง”
พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องประชุมท่ามกลางเสียงโห่ไล่
เฮียฉุนได้ยินหันกลับมานิดแล้วเดินต่อไป
เป็นที่เสียดายของฝ่ายค้านเมื่อนายวันมูหะมัดนอร์
มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติลุกขึ้นอภิปรายท้าวความวันยึดอำนาจของประยุทธ์ “ท่านบอกว่าเมื่อตกลงกันไม่ได้
รัฐบาลไม่ยอมลาออก ท่านประกาศยึดอำนาจประเทศ ก็ไม่ติดใจ” วันนอร์เล่าต่อเนิบๆ
“แต่ท่านชี้หน้าพวกผมที่นั่งว่า
อย่าใครคิดสู้ผมนะ ถึงสู้ก็สู้ไม่ได้ ผมเข้าใจครับ สุ้ไม่ได้เพราะรถถัง
อาวุธเต็มไปหมด แต่ประโยคสุดท้ายนี่ผมอยากจะถามท่านนายกฯ ว่าท่านจำได้ไหม
และท่านหมายความว่าอย่างไร เสียดายท่านลุกขึ้นไป”
สิ่งที่วันนอร์อภิปรายต่อในกรณีวันที่ประยุทธ์ประกาศทำรัฐประหาร
มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์ และยังชี้ชัดว่า คสช.โกหกตอแหลมาตลอด ในเมื่อการยึดอำนาจเมื่อพฤษภา
๕๗ นั้น “ท่านบอกว่า...ผมเตรียมการเรื่องนี้มา ๓ ปีกว่า”
วันนอร์นับถอยหลังสามปีไปถึงปี
๕๔ “แสดงว่าตั้งแต่ยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังรัฐบาลเลือกตั้ง
ท่านก็เตรียมการแล้ว ถ้าปฏิเสธผมก็ตรวจสอบรายละเอียดบางประการแล้วพบว่า
มันเป็นของจริง ท่านได้เตรียมการอย่างละเอียดมากด้วย”
นี่เป็นสิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลที่ถูกยึดอำนาจต้องรอมาถึงกว่า
๕ ปี จึงได้แจ้งแก่ประชาชนทั้งประเทศว่า “เตรียมการมาสามปีแล้วมาอ้างว่ายึดอำนาจเพราะบ้านเมืองมันวุ่นวาย
มาแก้ปัญหา แต่สามปีท่านเตรียมการอะไรครับ” ไม่ต้องตอบก็ได้
สุเทพ เทือกสุบรรณ
ตัวใหญ่ กปปส. เป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ กวักมือเรียกทหารเข้ายึดอำนาจ เคยอวดศักดาว่าตนคุยกับประยุทธ์เรื่องการยึดอำนาจนั้น
แม้สุเทพจะหลุดจากการร่วมรัฐบาลเพราะดันเคยประกาศว่าจะไม่ขอรับตำแหน่ง
แต่บรรดาแกนนำ
กปปส.ตัวเอ้ๆ ทั้งหลายล้วนได้ดีเป็นรัฐมนตรีกันหลายคน บ้างคุมการศึกษา
บ้างกุมดิจิทัล ล้วนแต่กระทรวงคุมกำเนิดสติปัญญาของ ‘คนรุ่นใหม่’ ทั้งนั้น